วันอาทิตย์ที่ 4 ตุลาคม พ.ศ. 2558

พระสมเด็จวัดระฆัง การประกวดพระเครื่อง

     
พระกริ่งเนื้อดินผสมผงผสมว่าน สร้างปี พ.ศ. 2411 สร้างน้อย ประมาณ 99 องค์ เม็ดกริ่งเหล็กไหลเศรษฐี
          การประกวดพระเครื่อง พระสมเด็จพระชุดเบญจภาคี พระคณาจารย์เหรียญต่างๆ มีประกวดกันทุกเดือน บางเดือนชนกัน หลายสมาคม หลามชมรม พอจะแบ่งออกเป็น 2 กลุ่มใหญ่ดังนี้
       1. การประกวดพระเพื่อพุทธพาณิชย์  เพื่อการค้า ผลประโยชน์ พระของพรรคพวกกันติดรางวัลของคนอื่นไม่ได้ บางครั้งและหลายครั้งที่พระเก๊ติดรางวัล พระที่ติดรางวัลจะทำให้พระองค์นั้นมีราคาเช่าซื้อที่สูงขึ้น พอตลาดซบเซาก็จัดการประกวดอีก พระเดิมๆที่ได้รางวัลนำมาประกวดอีกก็มี การจัดงานประกวดพระแต่ละครั้งมีผลประโยชน์เฉพาะการจัดงานหลายล้านบาท ก็แล้วแต่นักสะสมหน้าใหม่หรือคนที่มีพระอยู่แล้วนำพระตัวเองเข้าประกวดเผื่อจะติดรางวัลและทำให้พระตัวเองมีคุณค่าเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะการเช่าบูชาต่อ พระกลุ่มนี้จะไม่ยอมรับพระกลุ่มอนุรักษ์ โดยเฉพาะพระสมเด็จ จะมีมากมายหลายแสนองค์ แต่กลุ่มนี้จะยอมรับเพียงไม่กี่พิมพ์ไม่กี่เนื้อ เนื่องจากผลทางธุรกิจ จึงเกิดกลุ่มที่ 2 คือสายอนุรักษ์เกิดขึ้นหลายกลุ่ม พระสายวังที่กลุ่มนี้จะไม่ยอมรับเลย เพราะจำนวนสร้างที่มากกว่าพระสมเด็จ พระที่ออกสู่ตลาดในเวลานี้ยังมีน้อยมากพระส่วนใหญ่ยังถูกเก็บรักษาไว้อย่างดีตามกรุและตามบ้านเจ้านายผู้ใหญ่ 
      2.  การประกวดพระเพื่อการอนุรักษ์ กลุ่มนี้มีอยู่หลายชมรม หลายสมาคม การตัดสินเป็นที่พอใจของหลายฝ่าย พระติดรางวัลกลุ่มนี้โดยเฉพาะสมเด็จฯไม่เป็นที่ยอมรับของกลุ่มข้างบน ถูกว่าตีเก๊ ผิดพิมพ์ เนื้อไม่ถึง ปลอมกันมาตั้งนานแล้ว การจัดประกวดแต่ละครั้งมีเงินหมุนเวียนหลายล้านบาท ผลประโยชน์แอบแฝงมีหรือเปล่า คิดว่าน่าจะมีบ้างไม่มากก็น้อย
        การประกวดพระเพื่ออะไร ถ้าไม่ใช่ผลประโยชน์เป็นใหญ่ ใครเป็นกรรมการตัดสินการประกวดพระ กรรมการส่วนใหญ่ก็เป็นมนุษย์ธรรมดาที่ยังหนาด้วยกิเลส พระเครื่องที่นำมาประกวด ยกตัวอย่างพระสมเด็จ กรรมการมีเกณฑ์อะไรมาตัดสินพระสมเด็จที่ีเป็นองค์แทนของพระพุทธเจ้า คุณรู้หรือว่าพระองค์นั้นพระองค์นี้สวยกว่ากันตรงไหนคุณลบหลู่พระพุทธเจ้าคุณตัดสินองค์แทนพระพุทธเจ้า เอากิเลสของคุณไปลบหลู่พระพุทธ ถ้าคุณไปตัดสินพุทธศิลป์ว่าถูกต้องหรือไม่เพื่อนำมาสร้างเป็นองค์พระต่อไปก็ไม่ผิดอะไร หรือการตัดสินเครื่องลายคราม ของเก่า ของโบราณนั้นก็ไปอีกอย่าง บางทีเรามองชาวต่างชาติว่าทำอย่างนั้นอย่างนี้เป็นการลบหลู่พระศาสนา บางครั้งก็ให้อภัยได้ด้วยความที่เขาไม่ใช่ชาวพุทธเขาไม่รู้ธรรมเนียมของบ้านเรา และการกระทำอย่างนี้คือการประกวดพระลบหลู่ด้วยหรือเปล่าลองคิดให้ลึกกว่าที่เคยคิด พระเครื่องแท้ๆที่ผ่านการปลุกเสกอธิษฐานจิตมาแล้วทุกองค์ล้วนมีเทวดามาดูแลรักษา เทวดาแต่ละองค์บุญบารมีก็ไม่เท่ากัน และท่านก็ยังมีกิเลสอยู่เช่นกัน ท่านยังคงต้องเวียนว่ายตายเกิดตามกรรมของแต่ละท่านจนกว่าจะบรรลุธรรมขั้นสูงสุดสำเร็จอรหันต์เท่านั้น พระเครื่องแต่ละองค์พลังพุทธานุภาพก็ต่างกันมากบ้างน้อยบ้าง เทวดาที่มีบุญบารมีมากก็ดูจากรัศมีแสงสว่างหรือออร่าของเทวดา กรรมการเหล่านั้นเห็นและวัดได้หรือ  ในสมัยพุทธกาลพระที่ไปเป็นลูกศิษย์เณรก็มีแต่เณรเป็นถึงพระอรหันต์ ทางพุทธศาสนาจัดอันดับความสำคัญของพระที่บวชก่อนคือพระที่มีพรรษามากกว่าเป็นพระอาวุโส แต่มีข้อยกเว้นที่พระหรือเณรองค์นั้นๆสำเร็จพระอริยบุคคลตั้งแต่ชั้นโสดาบันขึ้นไป ก็ลองพิจารณาดูกันเองนะครับ
        พระที่ผ่านการประกวดเป็นการลบหลู่เทวดาประจำองค์พระ เทวดาท่านจึงไม่ให้ความช่วยเหลือคนๆนั้น พระเครื่องที่เจ้าของเอาไปประกวดนั้นไม่สามารถแสดงอิทธิฤทธิ์ของเทวดาได้ อธิษฐานขออะไรท่านก็ไม่สำเร็จ แต่พอถึงคราวคับขันเกิดอุบัติเหตุพลังพระก็ยังช่วยป้องกันภัยได้ มากน้อยอยู่ที่พลังคุณพระแต่ละองค์ พระไม่ได้เสื่อมนะครับ แต่ถ้าพระองค์นั้นไปตกอยู่กับคนอื่นที่ไม่รู้ว่าพระองค์นั้นผ่านการประกวด เทวดาประจำองค์พระก็แสดงฤทธิ์ได้ บางคนเข้าใจบางคนไม่เข้าใจ นานาจิตตัง ถ้าหลวงปู่โตยังอยู่ท่านคงตำหนิกล่าวโทษให้แล้ว ใครที่มีพระสมเด็จแล้วเอาไปประกวด อย่าบอกนะครับว่าท่านศรัทธาหลวงปู่โต
       พระที่ผ่านการประกวดถึงแม้คนเช่าบูชาต่อไปจะรู้ เทวดาประจำองค์พระก็ไม่ได้ช่วยอะไรเท่าไหร่ ธุรกิจการค้าของเจ้าของพระจะเจริญขึ้นหรือลงก็อยู่ที่บุญเก่าของเขา เขาทำบุญมาดี เขาจะมีพระเก๊เต็มบ้านก็ไม่ได้ทำให้เขายากจนลง เพราะบุญเก่าเขาทำมาดี อย่าเข้าใจผิดว่าพระช่วยเขาบางทีไม่ได้ช่วยอะไรเลย แต่พระที่ช่วยก็มีเพราะเขามีพระเครื่องสะสมไว้เยอะ พระทุกองค์ก็ไม่ได้ผ่านการประกวดมาทั้งหมด คนมีบุญมักได้พระมาตราฐานทั่วไป คนมีบุญบารมีและคนมีบารมีมักจะได้พระเกินมาตราฐาน คือพระที่มีพลังพุทธานุภาพที่สูงกว่ามาตราฐาน อ่านข้อมูลเพิ่มในห้อยพระถูกโฉลก ตอนที่ 2
        ถ้าจะถามว่าการประกวดพระอย่างนี้มีกรรมมั้ย มีแน่นอน มากน้อยอย่างไรยังไม่เคยมีตัวอย่างให้เรียนรู้ โทษเล็กน้อย ยกตัวอย่าง อาจเพียงคาดว่าใครที่ทำงานหรือรับงานที่ต้องมีการประกวดแข่งขันกันมักจะไม่ได้งานนั้น อันนี้เรียกว่ากรรมขั้นต่ำ และสูงกว่านี้ก็ต้องพิจารณา แต่ถ้ามีการวางแผน หลอกลวง โกหก ล่อลวง ให้หลงคิดผิดตามกลุ่มผู้จัด พระเก๊เป็นพระจริงหลอกขายให้ได้ราคาแพง และอื่นๆที่เกี่ยวข้อง กรรมก็มากขึ้นอีกเพราะผิดศีลข้อใหญ่ พิจารณากันเอาเองครับ





ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น