วันจันทร์ที่ 20 ธันวาคม พ.ศ. 2564

พระสมเด็จวัดระฆังEP13(เนื้อชมพูว่านมหาราชแดง)

   พระสมเด็จวัดระฆังเนื้อชมพูผสมว่านมหาราชแดงไม่ค่อยพบเห็น ลองไปเสิร์ชหาดูจะไม่พบเห็นเลย การสร้างพระสมเด็จในสมัยนั้นนิยมนำว่านชนิดต่างๆมาผสมในองค์พระบางที่ก็นำเนื้อว่านมาบด บางทีก็นำน้ำว่านมาผสมแล้วแต่เนื้อว่านแต่ละชนิดที่มีลักษณะความอ่อนแข็งต่างกัน อย่างการสักยันต์มีทั้งสักหมึกและสักด้วยน้ำว่าน การสักด้วยน้ำว่านก็จะตำว่านให้ละเอียดห่อด้วยผ้าขาวแบบลูกประคบไปวางบนหม้อดินที่ต้มน้ำเดือดกะได้ทีก็จะนำผ้าห่อว่านนั้นมาบิดให้น้ำว่านออกมาทำอย่างนั้นหลายๆเที่ยวแล้วเอาน้ำว่านนั้นผสมกับนำมันงาบ้างน้ำมันจันทร์บ้างแล้วนำมาสักยันต์ให้กับคนๆนั้น เวลานี้ว่านที่สำคัญหลายชนิดไม่ค่อยมีใครปลูกกันแล้วมีแต่ว่านเสน่ห์เมตตาค้าขายที่นิยมมาปลูกหรือเลี้ยงไว้ตามร้านค้าเพื่อดึงดูดลูกค้าเข้าร้าน แต่ก็มีเห็นน้อยแล้วเพราะต้องมีความศรัทธาและวิธีปฏิบัตด้วย ว่านที่ร้านค้านิยมมาปลูกกี่จะมี ว่านเถาวัลย์หลง ว่านเสน่ห์จันทร์ขาว เสน่ห์จันทร์แดง ว่านนางกวัก ว่านตระกูลเศรษฐี ฯลฯส่วนใหญ่ในเวลานี้ไปนิยมเบอร์มือถือเลขมงคลมากกว่ามาปลูกว่าน
ว่านมหาราชสรรพคุณ คำว่าว่า "มหาราช" หมายถึงมีอำนาจวาสนาบารมีเป็นใหญ่เป็นโต มีทรัพย์สินเงินทอง ข้าทาสบริวาร พระสมเด็จวัดระฆังผสมว่านมหาราชชุดนี้มีชุดธรรมดากับชุดพิเศษคือชุดพิเศษด้านหลังองค์พระจารปี พ.ศ.ที่สร้างและอักขระ พระสร้างปี พ.ศ.๒๓๘๕ ที่พิเศษเพิ่มไปอีกคือพระสมเด็จวัดระฆังผสมว่านมหาราชที่อธิษฐานจิตปลุกเสก ๒๐ พรรษาคือพระที่สร้างปี พ.ศ.๒๓๗๕และอธิษฐานจิตปลุกเสกถึงปี พ.ศ.๒๓๙๕ พระสมเด็จวัดระฆังชุดอธิษฐานจิตปลุกเสก ๒๐ พรรษามีพลังพุทธานุภาพสูงกว่าพระสมเด็จทั้ง ๒ ชุดแรกและสูงกว่าพระสมเด็จวัดระฆังทั่วไปพระสมเด็จวัดระฆังของเซียนพระทั้งหลาย คนที่สามารถสัมผัสพลังพระได้จะรู้ว่าพระองค์ไหนมีพลังที่แตกต่างกัน หรือแม้แต่จะใช้วิธีวัดคืบ วิธีใช้ลูกดิ่งเพนดูลั่ม ก็สามารถตรวจเช็คได้ว่าพระสมเด็จองค์ไหนมีพลังมากกว่ากันแต่ไม่รู้ว่าพลังที่แตกต่างกันนั้นเป็นยังไง อักขระที่จารส่วนใหญ่ก็จะมี "นะชาลีติ" "นะมะพะทะ" "นะมะอะอุ" "พุทธะสังมิ" https://www.facebook.com/PhraSomdejWa... 092 339 5410,080 629 2955

วันจันทร์ที่ 13 ธันวาคม พ.ศ. 2564

พระสมเด็จวัดระฆังEP12(เนื้อเทียนชัย)

พระสมเด็จวัดระฆังเนื้อเทียนชัย ส่วนผสมหลักคือเนื้อเทียนชัยมีทั้งสีเหลืองน้ำตาลและสีขาวและผสมด้วยผงกฤติยาคม โดยเฉพาะเทียนชัยก็มีคุณวิเศษอยู่แล้ว เทียนชัยที่จุดในพิธีพุทธาภิเษกพระเครื่องแต่ละครั้งนำมาเป็นวัตถุหลักในการสร้างพระ พระสมเด็จวัดระฆังเนื้อเทียนชัยมีความโดดเด่นด้านการปกครองเป็นผู้บริหารเป็นหัวหน้างาน มีชัยต่ออุปสรรคทั้งหลายและหาชมของจริงได้ยากมาก ส่วนใหญ่ที่เห็นเป็นพระสมเด็จวัดระฆังเนื้อแก่น้ำมันที่ดูคล้ายเทียน ลองดูพระสมเด็จวัดระฆังเนื้อเทียนชัยที่นำเสนอ ๒ องค์นี้ว่ามีเนื้อต่างแตกต่างจากของที่อื่นอย่างไรบ้าง พระสมเด็จวัดระฆังทั้ง ๒ องค์นี้ซุ้มระฆังหรือซุ้มครอบแก้วเล็กแบบเส้นลวดจะเป็นพระสมเด็จยุคกลาง พระสมเด็จยุคปลายยังไม่เคยเห็นสร้างเนื้อพระเทียนชัยแบบนี้ พระสมเด็จวัดระฆังเนื้อเทียนชัยสามารถนำของมีคมหรือมีดมาปาดเบาๆด้านหลังองค์พระเนื้อเทียนจะหลุดออกมาเป็นแผ่นเลยทีเดียว ถ้ากดมีดแรงและลึกเนื้อเทียนก็จะหลุดมาเป็นแผ่นหนา เวลาปาดมีดก็ต้องระวังกดเบาๆหรือใช้เล็บจิกไปที่เนื้อพระก็จะเป็นรอยจิกแต่ถ้าเป็นพระสมเด็จวัดระฆังเนื้อน้ำมันจะใช้เล็บจิกหรือมีดปาดเนื้อพระจะไม่หลุดออกมา การพัฒนาของพระสมเด็จวัดระฆังเนื้อเทียนชัยจะแตกต่างจากพระสมเด็จเนื้ออื่นๆที่จะนำมาพิจารณาแบบเดียวกันไม่ได้ รอยปริแยก ย่น ยับ เหี่ยว จะต่างกัน พระสมเด็จเนื้อเทียนชัยจะไม่เห็นรอยแตกลานแบบแตกลายงา แตกลายสังคโลก แตกลายไข่นกปรอด แต่ก็ไม่รู้ได้ว่าถ้าพระสมเด็จวัดระฆังเนื้อเทียนชัยโดนความร้อนระดับไหนกี่องศาจึงจะเปลียนรูปทรง ขบวนรถแห่เทียนพรรษาทั้งวันโดนความร้อนและอุณหภูมิร้อนขนาดนั้นก็ยังไม่ละลายเปลี่ยนรูปทรงนะ https://www.facebook.com/PhraSomdejWa... 092 339 5410,080 629 2955

วันอาทิตย์ที่ 12 ธันวาคม พ.ศ. 2564

พระสมเด็จวัดระฆังEP11เนื้อกระแจะจันทร์

พระสมเด็จวัดระฆังเนื้อกระแจะจันทร์ พระสมเด็จวัดระฆังเนื้อนี้หาชมของจริงได้ยากมาก เปรียบเทียบกับพระสมเด็จองค์อื่นที่โชว์กันอยู่ในเวลานี้จะมีความแตกต่างกัน ถึงแม่ว่าพระสมเด็จองค์นั้นเนื้อพระจะมีความหอมแต่ก็จะหอมไม่นาน ก็ต้องพิจารณาว่าความหอมมาจากไหน เจ้าของวางใส่พานบูชาด้วยเครื่องหอมมี ดอกไม้ แป้งร่ำ แป้งกระแจะจันทร์และเครื่องหอมอื่นๆ ใช่ว่าพระสมเด็จองค์นั้นจะเป็นพระสมเด็จเนื้อกระแจะจันทร์ พระสมเด็จผสมว่านกระแจะจันทร์องค์นี้เดิมถูกเก็บอยู่ในกล่องปิดไว้อย่างดีเมื่อเปิดกล่องนำพระมาส่องจะได้กลิ่นหอมเย็นๆมาเตะจมูก เมื่อนำพระออกมาจากกล่องมาไว้ข้างนอกไม่นานกลิ่นก็จากหายไป สีผิวและเนื้อพระคล้ายแผ่นไม้ การพัฒนาของเนื้อพระจะแตกต่างจากเนื้อปูนสุกปูนดิบทั่วไปและแตกต่างจากเนื้อพระอื่นๆด้วย พระสมเด็จวัดระฆังนั้นมีหลายเนื้อจะพิจารณาอย่างใดอย่างหนึ่งไม่ได้ ว่านกระแจะจันทร์มีคุณสมบัติทางด้านเสน่ห์มหานิยม วาจามีเสน่ห์ การค้าการขาย สมัยก่อนนิยมมาทำเป็น แป้งเจิม กระแจะจันทร์ คือแป้งที่ใช้เจิมหน้าผากบ่าวสาวในงานแต่งงาน และยังถือเป็นของมงคลที่สามารถนำมาเจิมบ้าน เจิมเสาเอกได้อีกด้วย ส่วนกระแจะจันทร์เป็นเครื่องหอมไทยที่มีมานานมาก ตั้งแต่สมัยที่ยังไม่มีการคิดปรุงเครื่องหอมไทย พระสมเด็จวัดระฆังเนื้อกระแจะจันทร์องค์นี้พระพักตร์แบบผลมะตูมซึ่งเป็นพระพักตร์ที่สวยงามและหาพบเจอยากมาก ส่วนใหญ่จะเป็นพระพักตร์กลมแบบไข่หรือเม็ดพริกไทยและพระพักตร์สี่เหลี่ยมข้าวหลามตัดที่รู้จักกันมากในพระสมเด็จวัดระฆังพิมพ์ลุงพุฒ ยังมีพระพักตร์ตั๊กแตนที่จะมีในพระสมเด็จยุคกลาง พระสมเด็จยุคปลายยังไม่พบเห็น พระสมเด็จวัดระฆังเนื้อกระแจะจันทร์องค์นี้เส้นสังฆาฏินูนเล็กน้อยพองาม และพระพักตร์ของพระสมเด็จองค์นี้จะเอียงขวาเล็กน้อยแบบพระสมเด็จวัดระฆังพิมพ์นิยมและเป็นเอกลักษณ์ที่สำคัญของพระสมเด็จวัดระฆัง สังเกตุพระเกศก็จะเอียงขวาเล็กน้อยดูจากสันนูนตรงกลางและเนื้อพระเกศทั้ง ๒ ข้างซ้ายขวาจะไม่เท่ากันฯ https://www.facebook.com/PhraSomdejWa...

วันจันทร์ที่ 6 ธันวาคม พ.ศ. 2564

พระสมเด็จวัดระฆังEP10(หลังดอกโบตั๋น)

พระสมเด็จวัดระฆังที่สร้างปี พ.ศ.๒๔๑๑ เฉลิมฉลองการขึ้นครองราชย์ของรัชกาลที่ ๕ พระสมเด็จวัดระฆังในวาระนี้ที่โดดเด่นชัดเจนที่สุดจะเป็นพระสมเด็จวัดระฆังหลังตระกูลเปลือกไม้ ที่มีพิมพ์ร่องสวน พิมพ์หลังหมอน พิมพ์รังผึ้ง(ขนมรังผึ้ง) พิมพ์หลังยันต์ พิมพ์หลังอักษรจีนมงคลตระกูลแซ่พิมพ์หลังท้าวมหาพรหมชินนะปัญจะระ พิมพ์หลังดอกโบตั๋น พิมพ์หลังต่างๆ ประมาณว่ามีคนเก็บสะสมไว้ถึง ๖๐ กว่าพิมพ์ ซึ่งโดยเนื้อหาและมวลสารของพระสมเด็จจะเป็นในทางเดียวกัน พระสมเด็จโรยผงตะไบทองคำที่นำพระสมเด็จวัดระฆังบางส่วนบรรจุไว้ที่กรุเจดีย์ทองวัดพระแก้ว พระสมเด็จของวัดพระแก้วจริงๆแล้วจะเป็นพระเนื้อละเอียดใช้เครื่องบดซึ่งต่างจากของวัดระฆัง พระสมเด็จวัดระฆังพิมพ์หลังดอกโบตั๋น ดอกโบตั๋นเป็นดอกไม้ที่นิยมใช้ในงานศิลปะมายาวนานหนึ่งในสัญลักษณ์ประจำชาติของจีน โดยถือเป็นดอกไม้แห่งลาภยศและความร่ำรวยแล้วยังเป็นราชาแห่งดอกไม้ และเป็นสัญลักษณ์ของโชคดีสำหรับเพศหญิงดอกโบตั๋น แตกต่างจากดอกไม้ชนิดอื่น ๆ คือที่ก้านจะมีใบ ๓ ใบ และในใบใหญ่แต่ละใบจะแตกออกเป็นใบเล็กอีก ๓ ใ บ รวมทั้งหมด ๙ ใบ จึงเป็นที่มาของคำเปรียบเปรยว่า "ดอกโบตั๋นเป็นดอกไม้มังกร ๙ หัว" กล่าวคือเป็นดอกไม้ที่เป็นตัวแทนของความมั่งมีศรีสุข มีลาภยศยิ่งใหญ่ จิตรกรจีนมักจะวาดภาพดอกโบตั๋นสีสันสดใส และคนจีนก็นิยมนำไปประดับบ้านโดยเฉพาะที่ห้องรับแขก เพราะเชื่อกันว่าจะนำพามาซึ่งความมั่งคั่ง โชคลาภและความร่ำรวยในสมัยโบราณ ดอกโบตั๋นเป็นที่นิยมเพาะเลี้ยงกันในหมู่ชนชั้นสูง ซึ่งบางครั้งราคาประมูลขายกันแพงมาก จนสุดยอดกวีราชวงศ์ถังท่านหนึ่ง ชื่อ ไป๋จวีอี้ กล่าวไว้ว่า "อี้ฉงเซินเซ่อฮวา สือฮุจงเหรินฝู้" ซึ่งหมายความว่า "โบตั๋นเพียงไม่กี่ดอกยังมีมูลค่ามากกว่าเงินภาษีของชนชั้นกลางสิบคนเสียอีก" พระสมเด็จวัดระฆังพิมพ์หลังดอกโบตั๋นจึงมีความหมายที่ดีที่ชาวจีนที่ศรัทธาในองค์หลวงปู่โตได้ร่วมช่วยกันสร้างพระสมเด็จและชาวจีนเจ้าของร้านทองเยาวราชได้นำผงตะไบทองคำมามอบให้หลวงปู่โตเพื่อผสมลงไปในพระสมเด็จเพื่อความเป็นสิริมงคลยิ่งขึ้นและมีความหมายถึงโชคลาภเงินทองอีกด้วย นอกจากนี้ยังมี พระสมเด็จวัดระฆังพิมพ์หลังอักษรจีนมงคล อักษรจีนตระกูลแซ่ หลังลายเซ็นต์ ซึ่งพระสมเด็จวัดระฆังหลังลายเซ็นต์นั้นยังไม่รู้ว่าเป็นของข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ท่านใดหรือราชนิกุลท่านใด http://ariyathum.blogspot.com/2019/10... https://www.facebook.com/PhraSomdejWa...

วันศุกร์ที่ 3 ธันวาคม พ.ศ. 2564

พระสมเด็จวัดระฆังEP09พิมพ์หลังร่องสวนสีแดง

พระสมเด็จวัดระฆังพิมพ์หลังร่องสวนเนื้อสีแดงหรือชมพูเข้ม เข้าใจว่าช่างที่ใช้สีเบญจรงค์ผสมในเนื้อพระคงต้องการให้เป็นสีชมพูเนื่องจากสีชมพูเป็นสีของคนเกิดวันอังคารที่เป็นวันคล้ายวันราชสมภพของรัชกาลที่ ๕ วาระในการสร้างเพื่อเฉลิมฉลองการขึ้นครองราชย์ของรัชกาลที่ ๕ ปี พ.ศ.๒๔๑๑ พระสมเด็จวัดระฆังพิมพ์หลังร่องสวนเนื้อสีแดงหรือชมพูเข้มนี้เป็นพระแท้ที่ดูง่ายหรือที่เรียกว่าแท้ตาเปล่า หลังองค์พระแบบหลังร่องสวนเห็นหลังก็รู้ว่าแท้ไม่ต้องเห็นหน้าก็ได้ โดยด้านหลังของพระสมเด็จพิมพ์นี้มีความมหัศจรรย์ของการเกิดการงอกของปูนเปลือกหอยสุกและปูนเปลือกหอยดิบที่มีการพัฒนาแบบเป็นระบบ ที่มีอยู่รูปหนึ่งได้อธิบายที่มีคราบน้ำรักในรอยแตกบนผิวพระและมีผงปูนเล็กๆอยู่บนพื้นผิวตรงนั้นที่มีคราบน้ำรักเกิดขึ้นด้วย ทำให้ปูนที่อยู่บนผิวน้ำรักดูเหมือนปากรูมดที่เป็นขุยหรือทางเดินของปลวก ที่พระโรงงานทำไม่ได้ ถึงแม้จะมีพระโรงงานพยายามทำแล้วแต่ทำได้แค่เป็นร่องแต่ไม่มีการยุบ ย่น แยก การเกิดการงอกของปูนสุกปูนดิบไม่มี พระสมเด็จวัดระฆังชุดนี้จึงเป็นพระเนื้อมหัศจรรย์ของเนื้อพระที่ยากต่อการทำปลอมขึ้นมาและพระสมเด็จวัดระฆังชุดนี้ถ้าชาวต่างชาติได้เห็นคงจะตื่นตาตื่นใจในความเป็นศิลปะที่งดงามและมหัศจรรย์อีกด้วย ไม่ใช่พระสมเด็จเนื้อหนึกนุ่มแต่เป็นพระสมเด็จเนื้อมหัศจรรย์ก็ว่าได้และสามารถอธิบายได้โดยหลักวิทยาศาสตร์แบบขบวนการของการเกิดหินงอกและหินย้อย ต่างชาติเห็นจะไม่ร้อง ว้าวๆๆได้อย่างไร พระสมเด็จวัดระฆังหรือพระสมเด็จชุดอื่นๆก็ไม่มีขบวนการการพัฒนาการอย่างเป็นระบบของการเกิดของปูนสุกปูนดิบแบบเดียวกับการเกิดของหินงอกและหินย้อยแบบพระสมเด็จวัดระฆังชุดนี้ พระสมเด็จวัดระฆังชุดนี้ไม่ต้องใช้เครื่องมือวิทยาศาสตร์มาตรวจเช็คก็รู้ได้ว่าเป็นพระแท้หรือแท้ตาเปล่า พระสมเด็จวัดระฆังที่โชว์ๆกันอยู่นี้จะไปอธิบายเรื่องพิมพ์ทรงและตำหนิ เรื่องพิมพ์ทรงก็เป็นเรื่องของการจดจำรูปแบบพิมพ์พระต้องมีอย่างนั้นอย่างนี้ตามที่มีการเขียนเอาตั้งแต่แรก ใครเขียนก่อนก็จะเป็นต้นแบบ ถ้าเซียนเขียนก็จะได้เปรียบคือพระแท้เป็นเป็นอย่างของเขา แต่ในเวลานี้โลกโซเชียลไปไกลมากแล้ว คนรุ่นใหม่มีความเชื่อแบบมีเหตุผลทุกอย่างอธิบายได้ เชื่อหลักการทางวิทยาศาตร์ที่เป็นจริงไม่เชื่อหลักกู(หลักเซียน) คนส่วนใหญ่หลายคนจะไปเน้นพิมพ์ทรงต้องแบบนั้นแบบนี้ แม่พิมพ์และการกดพิมพ์พระใช้คนไม่ได้ใช้เครื่องจักร ดังนั้นพระแต่ละองค์จะไม่มีความเหมือนกันเลย แม่แต่พระสมเด็จวัดระฆังชุดนี้และ ๒ ชุดที่แล้ว EP07และ EP08 การเกิดการงอกของปูนสุกปูนดิบในพระแต่ละองค์ก็ไม่เหมือนกันสักองค์มีแต่ลักษณะที่จะคล้ายกันคือ ปูนสุกจะเกิดการงอกในส่วนต่ำคือบริเวณพื้นราบขององค์พระ ส่วนการเกิดการงอกของปูนดิบจะเกิดในส่วนสูงคือบริเวณองค์พระและซุ้มครอบแก้ว พระสมเด็จวัดระฆังชุดนี้ส่องแล้วเพลินคืออยากจะรู้ว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นอีกบ้าง ต่างจากพระสมเด็จชุดอื่นๆต่างกันอย่างไรท่านก็หาพระสมเด็จวัดระฆังแบบนี้มาส่องเปรียบเทียบกับพระสมเด็จวัดระฆังทั่วไปว่าเป็นอย่างไร การบูชาหรือการสะสมพระสมเด็จวัดระฆังอยู่ที่ความชอบของแต่ละคน แต่พระสมเด็จวัดระฆังแท้มีพลังพุทธานุภาพไม่เท่ากัน คนที่สัมผัสพลังพระได้จะรู้ดีและมีโอกาสได้พระสมเด็จเหนือเซียนไปครอบครอง พระสมเด็จวัดระฆังพิมพ์หลังร่องสวนสีแดงชุดนี้จะมีความแตกต่างจาก ๒ ชุดที่แล้วเนื้อเทาขาวและเนื้อนำตาลตรงที่ว่า พระสมเด็จวัดระฆังชุดนี้องคืพระได้สัดส่วนสวยงาม พระพักตร์เป็นผลมะตูมซึ่งพระพักตร์แบบนี้หาพบเจอได้ยากมาก ส่วนใหญ่จะเป็นพระพักตร์สี่เหลี่ยมข้าวหลามตัดอย่างพระสมเด็จองค์ลุงพุฒที่ของปลอมก็มีสร้างออกมามากเนื่องจากเป็นองค์ที่มีช่อเสียง พระพักตร์รูปไข่ก็มีให้เห็นมากมาย แต่มีพระพักตร์พระสมเด็จอีกแบบหนึ่งคือพระพักตร์ตั๊กแตนที่หาชมได้น้อยมาก พระสมเด็จวัดระฆังชุดนี้นอกจากมีพระพักตร์แบบผลมะตูมแล้วตรงไหล่ซ้ายขององค์พระมีเส้นจีวรลางๆลากยาวมาถึงรักแร้ข้างขวาขององค์พระที่แตกต่างจากพระสมเด็จวัดระฆัง ๒ ชุดที่แล้ว พระสมเด็จวัดระฆังชุดนี้เคยนำเสนอไว้ในบล็อกห้อยพระถูกโฉลกมีที่อยู่ตามลิงก์ด้านล่างแล้วครับ http://ariyathum.blogspot.com/2017/10... https://www.facebook.com/PhraSomdejWa...

วันอังคารที่ 30 พฤศจิกายน พ.ศ. 2564

พระสมเด็จวัดระฆังEP08(พิมพ์หลังร่องสวนสีน้ำตาล)


พระสมเด็จวัดระฆังพิมพ์หลังร่องสวนชุดที่ ๒ เนื้อพระสีน้ำตาล พระสมเด็จวัดระฆังพิมพ์นี้ เคยมีชมรมสอนการเรียนรู้พระสมเด็จนำมาเผยแพร่ให้สมาชิกได้เรียนรู้ โดย ทางแอดมินเรียกพระสมเด็จพิมพ์หลังร่องสวนนี้ว่า พระสมเด็จวัดระฆังพิมพ์หลังกระดองเต่าพันปี ไม่กี่วันต่อมาผมก็ได้พระสมเด็จพิมพ์นี้มาครอบครองหลายองค์ ผมถามผู้ขายว่าได้มาอย่างไร เขาบอกว่า ได้มาจากผู้หญิงคนหนึ่งเล่าให้ฟังว่าเป็นพระเก่าเก็บจากบ้านเจ้านายเข้าใจว่าจะมีเชื้อเจ้า เป็นวังเจ้าอยู่หลังสวนวัดระฆังในสมัยนั้น ผมก็เก็บสะสมไว้ได้จำนวนหนึ่ง และได้นำมาโพสลงในชมรมนี้ และเริ่มเรียกว่าพระสมเด็จพิมพ์นี้ว่าพิมพ์หลังร่องสวน หรือพิมพ์หลังสวน แอดมินได้นำพระสมเด็จพิมพ์นี้ลงโพสลงในชมรมอีก ๒ องค์ โดยบอกว่าเป็นของนายพล ๒ ท่าน บูชามาองค์ละ ๓๐ ล้านบาท ต่อมาก็มีคนโพสรูปพระสมเด็จพิมพ์นี้ลงในชมรมหลาย ๑๐ คน ไม่กี่วันต่อมาถูกลบข้อมูลทิ้ง ผมก็เซฟข้อมูลไว้ไม่ทันว่า นายพลทั้ง ๒ ท่านมีชื่อว่าอะไรบ้าง เพราะมีหนังสือองค์งามออกมาปรากฏให้เห็น เป็นพระสมเด็จวัดระฆังพิมพ์ทรงลักษณะนี้ทั้งเล่ม หนังสือมีความหนามาก เซียนพันทิพก็มีพระสมเด็จพิมพ์นี้เปิดให้บูชาที่ ๓๐ ล้านบาท ก็ต้องเก็บเข้ารังของตัวเองไป มีเด็กคนหนึ่งมาบอกผมว่าเขาได้ไปคุยกับเซียนคนนี้แล้วเขาเปิดราคาไว้ ที่ ๓๐ ล้านบาทจริงๆและถ่ายรูปมาให้ผมดูด้วย สรุป พระสมเด็จแท้พิมพ์ไหนเนื้อไหนถ้ามีจำนวนมากเซียนจะไม่เล่น เพราะเล่นแล้วปั่นราคาไม่ได้ จริงหรือไม่ก็พิจารณาดูครับ แต่ละวันการสร้างพระแต่ละครกไม่มีเหมือนกัน อยู่ที่ส่วนผสมและคนที่ตำมวลสาร วันนี้อาจเป็นคนนั้นวันนั้นอาจเป็นคนนี้มือหนักเบาในการผสมมวลสารที่ต่างกัน พอสร้างเสร็จพระแห้งดีแล้วองค์หลวงปู่โตก็นำไปปลุกเสกอธิษฐานจิตแล้วเสร็จก็นำไปแจกคนที่ใส่บาตรกับหลวงปู่บ้าง ประชาชนที่มาขอไปบูชาบ้าง ฯ ซึ่งต่างจากพระสมเด็จในวาระนี้ที่สร้างขึ้นในปี พ.ศ. ๒๔๑๑ เพื่อร่วมเฉลิมฉลองการขึ้นครองราชย์ของรัชกาลที่ ๕ พระเครื่องที่สร้างในวาระนี้ถือว่าสุดยอดที่สุดของประเทศไทย ไม่มีพระเครื่องวาระอื่นใดเทียบได้( ยกเว้น พระสมเด็จชุดพิเศษที่ปลุกเสกหลายพรรษา พระสมเด็จที่มีการจารอักขระเพิ่มเติม พระสมเด็จชุดพิเศษที่มีคนรู้น้อยมาก ) เนื่องจากว่าในปี พ.ศ. ๒๔๑๑ นั้นได้มีการเชิญพระเกจิอาจารย์ดังใสมัยนั้นมาร่วมอธิษฐานจิตปลุกเสกด้วย และที่ขาดไม่ได้ ก็หลวงปู่โต กรมพระยาปวเรศวริยาลงกรณ์จึงทำให้พระสมเด็จที่สร้างในวาระนี้มีพลังพุทธานุภาพสูงกว่าพระสมเด็จทั่วๆไปด้วยเหตุนี้ https://pudthosangkho.blogspot.com/20... https://www.facebook.com/PhraSomdejWa...

วันอาทิตย์ที่ 28 พฤศจิกายน พ.ศ. 2564

พระสมเด็จวัดระฆังEP06พิมพ์วัดสะตือหลังจารยันต์


พระสมเด็จพิมพ์วัดสะตือหลังจารยันต์แบบเดียวกับก้นพระกริ่งปวเรศยุคต้นตามตังอบ่างที่มานำเสนอให้ชมด้วยมี พระสมเด็จพิมพ์วัดสะตือชุดนี้เป็นชุดพิเศษเหมือนกับหลายพิมพ์หลายชุดที่ด้านหลังองค์พระมีรอยจารด้วยดินสอ พิจารณาตัวอักขระแบบเดียวกับพระกริ่งปวเรศยุคต้น ลายมือก็เหมือนกัน พระสมเด็จวัดระฆังที่มีรอยจารด้านหลังจึงมีพลังพุทธานุภาพเพิ่มขึ้นกว่าพระสมเด็จวัดระฆังพิมพ์เดียวกันที่สร้างวาระเดียวกัน แม้แต่พระสมเด็จวัดระฆังที่สร้างในวาระอื่น บางคนสนใจพิมพ์ทรงต้องตามตำราเซียน บางคนสนใจมวลสารต้องตามตำราว่าต้องมีมวลสารอะไรบ้าง ซึ่งต้องใช้วิทยาศาสตร์มาพิสูน์เนื้อหามวลสารจะเป็นกล้องขยายขนาด 1,000 เท่าหรือในเวลานี้มีการพิสูจน์DNA ด้วย พระสมเด็จวัดระฆังเมื่อพิสูจน์ออกมาแล้วว่าแท้ก็ต้องแท้ มีผลต่อการเก็บไว้บูชาหรือซื้อขายเปลี่ยนมือ แต่ก็ยังบอกไม่ได้ว่าพระสมเด็จองค์นั้นมีพลังพุทธานุภาพมากน้อยแค่ไหน สำหรับคนที่ไม่สนใจเรื่องพลังพระก็ไม่มีอะไร แต่คนที่สนใจเรื่องพลังพระจะห้อยพระขึ้นคอก็ต้องเป็นพระที่มีพลังแรงพลังคุ้มครองก็มีรัศมีกว้างออกจากตัวหลายเมตรไม่ใช่คุ้มครองเฉพาะตัวเราคนเดียวเท่านั้น ตัวอย่างพระเครื่องที่มีคุณวิเศษทางด้านปกป้องคุ้มครองภัย ถ้าพระพลังน้อยก็คุ้มครองเราได้แค่คนเดียวและครอบครัวเราคุ้มไม่ได้ แต่พระสมเด็จวัดระฆังที่มีพลังแรงสามารถคุ้มภัยเราได้ทั้งครอบครัวในกรณีขับรถยนต์แล้วเกิดอุบัติเหตุพระคุ้มครองเราได้ทั้งคันกับอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นพระคุ้มครองเราได้คนเดียวครอบครัวที่เหลือ......... คิดดูก็แล้วกันว่าท่านชอบพระอย่างไหน ยังไม่มีเครื่องมือวิทยาศาสตร์ในเวลานี้ที่สามารถพิสูจน์พลังขององค์พระหรือพลังแฝงในองค์พระที่ต้องมีอะไรไปกระตุ้นให้พลังงานนั้นปรากฏออกมา ซึ่งตาเปล่าไม่สามารถเห็นได้เลยนอกจากกระแสพลังงานขององค์พระมากระทบตัวคนนั้นให้มีความรู้สึกอย่างเช่น เกิดอาการขนลุก ขนลุกมีหลายระดับ อ่อนที่สุดขนลุกขึ้นแขนข้างเดียว ขนลุกแขนทั้ง 2 ข้าง ขนลุกทั้งตัว ขนลุกทั้งตัวขึ้นศีรษะ แน่นหน้าอก จุก ขนลุกจากเท้าขึ้นหัว อาการร้อน อาการเย็น พลังบีบอัดทั้งตัวมึนศีรษะ พลังสูงสุดร่างกายทนไม่ไหวต้องปล่อยวางทันทีอย่าไปอยากรู้อยากเห็นต่อไป ฝืนไม่ได้อาจเป็นอันตรายมากกว่าที่คิด เพราะก็ยังไม่มีใครฝืนเลย อย่างที่บอกบางคนถึงมึนและปวดศีรษะข้ามวันเลยทีเดียว แต่ก็มีหลายคนที่สัมผัสพลังพระสมเด็จวัดระฆังที่มีรอยจารรู้สึกว่าพลังแรงมาก บางคนแค่เห็นรูปก็มีอาการขนลุกแล้ว ปวดหัว หัวใจเต้นแรง ก็เกิดขึ้นแล้ว ถ้าเรื่องไม่จริงไม่กล้าที่จะบอก เพราะกรรมจะตกอยู่กับตัวผมเองที่ไปเล่าเรื่องโกหกคนอื่น สำหรับท่านที่สนใจที่จะบูชาพระสมเด็จวัดระฆังองค์ใดองค์ 1 ในชุดนี้ โทรมาคุยตกลงเงื่อนไขกับผมให้เป็นที่เรียบร้อย ถ้าพระสมเด็จวัดระฆังองค์ที่ถูกโฉลกกับท่านเมื่อท่านอธิษฐานจิตตามที่ผมบอกท่านอาจสัมผัสกับพลังพระได้ ถึงแม้ว่าท่านจะไม่เคยสัมผัสกับพลังพระมาได้ก่อนเลย ท่านฟังดูแล้วคิดว่ายังไง แปลกหรือไม่ และถ้าท่านอธิษฐานจิตตามที่ผมบอกแล้วสัมผัสพลังพระได้จริง ท่านคิดว่ายังไง การสัมผัสพลังพระโดยไม่ต้องจับองค์พระเพียงดูที่รูปพระและทำตามผมก็สัมผัสพลังพระได้ และท่านอาจจะหารูปพระสมเด็จวัดระฆังของใครก็ได้ จะเป็นพระสมเด็จองค์ดัง องค์ครูก็ได้ นำมาประกบกับพระสมเด็จวัดระฆังองค์นี้แล้วส่งรูปมาที่ไลน์ของผม อธิษฐานจิตตามผมบอกดูว่าพระสมเด็จวัดระฆังองค์ไหนของใครจะมีพลังที่แรงกว่ากัน ผมให้ท่านพิสูจน์ถึงขนาดนี้เลย มีใครที่ไหนที่ให้ท่านได้ขนาดนี้ พระสมเด็จวัดระฆังที่ท่านชอบอาจจะดูสวยบางทีอาจเป็นแค่เครื่องประดับก็เป็นไปได้คือพระไม่มีพลัง หรือเป็นพระที่พลังน้อยกว่าองค์นี้มาก ท่านชอบแบบไหน คนมีบารมีจะได้ครอบครองพระสมเด็จวัดระฆังแท้ที่มีพลังพุทธานุภาพสูง ความแตกต่างรอยจารของพระกริ่งปวเรศและพระสมเด็จวัดระฆัง ก้นพระกริ่งปวเรศ อักขระตัวบนคือตัว"อิ" ที่หมายถึงหัวใจพระพุทธเจ้า ไม่ใช่ตัว"อิ"ที่มาจาก "อิสวาสุ" ที่หมายถึง หังใจพระรัตนตรัย ....ส่วนด้านหลังพระสมเด็จวัดระฆังอักษรตัวบนที่อยู่ตรงกลางคือ"นะมหาละลวย"ที่จะไปปรากฎอยู่ที่ตรงด้านหลังไหล่ขวาของพระกริ่งปวเรศ มีตัวอย่างให้ชมและพิจารณา https://www.facebook.com/PhraSomdejWa... 092 339 5410,080 629 2955

พระกริ่งปวเรศEP24 (หลังจารยันต์เฑาะว์ พิมพ์จุกสร้างปี พ.ศ.๒๔๐๐)


พระกริ่งปวเรศ พิมพ์จุก สร้างปี พ.ศ.๒๔๐๐ องค์พระผิวสีน้ำตาลเข็มเกือบดำ บัวหลังด้านซ้ายจาร พ.ศ. ๒๔๐๐ บัวหลังด้านขวาจาร "นะมะพะทะ" หลังองค์พระจารยันต์"เฑาะว์" ยันต์เฑาะว์ นี้มีอานุภาพความศักดิ์สิทธิ์สูงส่ง มีรูปแบบมากมายหลายแบบ ยันต์เฑาะว์นี้ เป็นยันต์แก้วสารพัดนึก เป็นของวิเศษที่มีพุทธคุณสูงมากพระธรรมในพระพุทธศาสนาของพระพุทธองค์ทั้ง ๘๔,๐๐๐ พระธรรมขันธ์ ล้วนสรุปรวบยอดลงในยันต์เฑาะว์ตัวเดียวนี่ ตามตำนานแล้วกล่าวว่าพระฤษี ๑๐๘ ตนเป็นผู้ชักยันต์นี้ขึ้นมา จึงมีพุทธคุณศักดิ์สิทธิ์ยิ่งนัก ถือเป็นยันต์ครูที่ต้องศึกษา ยันต์เฑาะว์ พุทธคุณพลิกแพลงใช้ได้สารพัด แล้วแต่ครูบาอาจารย์จะเรียนสูตรไปทางด้านไหน เด่นในด้านแคล้วคลาดปลอดภัย ขับไล่ภูติผีปีศาจ เจรจาค้าขาย มหาอุดหยุดลูกปืน แก้โรคภัยไข้เจ็บทั้งภายในและภายนอก พระแท้มีพลังสัมผัสได้ พระกริ่งปวเรศชุดนี้มีพลังพุทธานุภาพสูงกว่าพระกริ่งปวเรศเนื้อนวกลับดำทั่วไปที่ว่าได้สร้างไว้ ๓๐ องค์และไม่นานมานี้บอกว่ามีเพิ่มมาอีก ๑๐๐ องค์ มีทั้งหนังสือพิมพ์บางฉบับและหนังสือพระเครื่องบางเล่มได้ลงรายละเอียดเอาไว้ โดยบอกว่าหลวงชำนาญขออนุญาตกรมพระยาปวเรศสร้างเพิ่ม ทำไมข้อมูลนี้พึ่งจะมาบอกไม่กี่ปีนี้เอง ท่านก็ลองพิจารณาดูครับว่ามีเหตุผลอะไร ส่วนที่ผมบอกว่าพระกริ่งปวเรศชุดนี้มีพลังพุทธานุภาพสูงกว่าพระกริ่งปวเรศเนื้อนวกลับดำนั้นมีอะไรมาพิสูจน์ การพิสูจน์คือการสัมผัสพลังพระ คนที่สัมผัสพลังพระได้จะรู้ว่าพระกริ่งปวเรศองค์ไหนมีพลังพุทานุภาพที่สูงกว่ากัน สำหรับใครบางคนที่คิดว่าพระกริ่งปวเรศชุดนี้จารขึ้นมาใหม่ ท่านก็ลองเดินตลาดพระและหาพระกริ่งสักองค์จะเก่าหรือใหม่ก็ได้บูชาเขามาสักองค์ถูกๆแล้วเอาเหล็กจารหรือตะปูลองมาเขียนตัวเลขหรืออักขระอะไรสักตัวดูว่าจารออกมาแล้วเป็นยังไง จารเป็นตัวเลขหรือตัวอักษรได้สวยตามลายมือที่ท่านเคยเขียนหรือไม่ และรอยจารเป็นอย่างไร เพราะถ้าจารใหม่รอยจารจะเป็นเงา ผิวสนิมโลหะไม่ได้หนามากที่จะจารได้เฉพาะผิวโลหะได้โดยไม่จารถึงเนื้อโลหะชั้นในฯ จะจารน้ำหนักมือเบาอย่างไรรอยจารก็จะจะเข้าถึงโลหะชั้นในที่มีสีทองเหลืองและขึ้นเงา แต่รอยจารที่เห็นได้จารผิวสนิมชั้นนอกถึงผิวสนิมชั้นที่ ๒ แต่ไม่ถึงโลหะชั้นใน สำหรับคนที่สนใจจะบูชาพระกริ่งปวเรศองค์ใดองค์ ๑ ในชุดนี้หรือชุดอื่นๆที่นำเสนอไปแล้วและอยากจะรู้ว่าพระกริ่งปวเรศชุดพิเศษที่ผมนำเสนอนั้นมีพลังพุทธานุภาพสูงกว่าพระกริ่งปวเรศเนื้อนวกลับดำนั้นก็ไม่ยาก โทรมาคุยตกลงเงื่อนไขกับผมให้เป็นที่เรียบร้อยก่อน แล้วท่านไปหารูปพระกริ่งปวเรศของใครก็ได้นำมาประกบกับพระกริ่งปวเรศของผมแล้วส่งรูปมาที่ไลน์ของ แล้วคุยกับผมๆจะให้ท่านอธิษฐานจิตตามผม ถ้าพระกริ่งปวเรศองค์ใดองค์หนึ่งถูกโฉลกกับท่านๆอาจสามารถสัมผัสพลังของพระกริ่งได้แล้วผมจะให้ท่านอธิษฐานต่อไปตามที่ผมบอกเพื่อให้ท่านจะได้รู้ว่าพระกริ่งปวเรศเนื้อนวกลับดำกับพระกริ่งปวเรศชุดนี้องค์ไหนมีพลังมากกว่ากัน วิธีการสัมผัสพลังแบบนี้ท่านอาจจะคิดว่าดีหรือไม่และที่สำคัญกว่านั้นการสัมผัสพลังแบบนี้ไม่ได้จับองค์พระแค่เพ่งดูที่รูปพระก็สัมผัสพลังได้ ถ้าวิธีแบบนี้เป็นจริงท่านคิดว่าอย่างไร จะเชื่อใครดีพิจารณาดูก่อนตัดสินใจที่จะโทรมาคุยกับผมนะครับ https://www.facebook.com/PhraSomdejWa... 092 339 5410,080 629 2955

วันพฤหัสบดีที่ 25 พฤศจิกายน พ.ศ. 2564

พระกริ่งปวเรศEP23(พิมพ์ห่มคลุม พ.ศ.๒๔๑๔ จารทั้งองค์)

พระกริ่งปวเรศพิมพ์ห่มคลุมที่สร้างในปี พ.ศ.๑๔๑๔ น่าจะเป็นพระกริ่งรุ่นสุดท้ายที่หลวงปู่โตร่วมอธิษฐานจิตปลุกเสกด้วย ข้อสังเกตพระกริ่งปวเรศที่ทันหลวงปู่โตปลุกเสกนั้นส่วนใหญ่ก้นพระกริ่งจะลึกแบบก้นครกบดยา การสร้างพระกริ่งปวเรศก้นครกบดยาจะยากกว่าพระกริ่งปวเรศก้นถ้วยมากนัก ฝีมือช่างในสมัยนั้นน่าจะมีความสามารถไม่ธรรมดาเลยจริงๆ พระกริ่งปวเรศยุคต้นแทบจะไม่มีการตกแต่งองค์พระให้เปลี่ยนแปลงไปจากเดิมเลย พระกริ่งปวเรศชุดนี้ก็เป็นชุดพิเศษเช่นกันที่มีการจารอักขระและปี พ.ศ.ที่สร้างกำกับไว้ด้วยแต่ไม่มีการปลุกเสกเพิ่มเหมือนกับพระกริ่งปวเรศยุคต้น พ.ศ. ๒๓๗๐,๒๓๗๕และ๒๓๘๐ เพราะหลวงปู่โตได้ถึงแก่ชีพิตักษัยในปี พ.ศ.๒๔๑๕ เคยบอกไปแล้วหลายครั้งว่ารอยจารก้นพระกริ่งปวเรศและรอยจารด้านหลังของพระสมเด็จวัดระฆังชุดพิเศษจะมีรอยจารทั้งอักขระและลายมือเดียวกัน เปรียบเทียบตัวอย่างทั้งก้นพระกริ่งปวเรศและด้านหลังพระสมเด็จวัดระฆังว่าเหมือนหรือต่างกันหรือไม่อย่างไร ก้นพระกริ่งปวเรศที่นำมาเปรียบเทียบให้ดูเป็นกันพระกริ่งปวเรศพิมพ์สายหน้าจีนเพราะก้นพระกริ่งจะมีความลึกน้อยกว่าพิมพ์อื่นและมองเห็นค่อนข้างชัด ความต่างเล็กน้อยที่ก้นพระกริ่งปวเรศด้านบนสุดจารตัว"อิ"ตัวเดียว ที่ไม่ใช่ "อิสวาสุ" ที่หมายถึงหัวใจพระรัตนตรัยที่ต้องจาร ๓ ตัว แต่หมายถึง "อิกะวิติ"ที่เป็นหัวใจพระพุทธเจ้า จารตัวเดียว ส่วนพระสมเด็จวัดระฆังเป็น "นะมหาละลวย"แต่ตำแหน่งที่จารตำกว่าคำว่า"นะ"ที่อยู่ทางซ้ายและ"โม"ที่อยู่ทางขวา แต่คำว่า"อิ"จะอยู่ในตำแหน่งสูงที่สุด ดูจากรอยจารที่ก้นพระกริ่ง ดังนั้น พระกริ่งปวเรศที่จารหัวใจพระพุทธเจ้าลงไปนั้นย่อมหมายถึงพระกริ่งปวเรศองค์นั้นมีญาณของพระพุทธเจ้าด้วย ท่านที่มีญาณพิเศษหรือสัมผัสพิเศษอาจจะรับรู้ได้ ขั้นตอนการอธิษฐานจิตปลุกเสกหลวงปู่โตได้อัญเชิญพระพุทธเจ้ามาเป็นประธานเป็นโลกของกายทิพย์ ที่บางท่านอาจเรียกอทิสมานกาย และมีพระอรหันต์สาวก เหล่าเทวดาทั้งหลายมาร่วมอธิษฐานจิตปลุกเสกด้วย การอันเชิญใช่ว่าพระทุกองค์จะอัญเชิญมาได้นะครับ เรื่องการสัมผัสรับรู้กระแสญาณของสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายและการสัมผัสพลัง บางคนคิดว่าเป็นเรื่องไร้สาระ(เรื่องของเขาไม่สนใจและไม่จำเป็นต้องอธิบาย) ส่วนคนที่สามารถสัมผัสพลังและรับรู้กระแสญาณของสิ่งศักดิ์สิทธิ์ได้นั้นก็มีไม่น้อย ต้องพิจารณาว่าท่านชอบแบบไหน https://www.facebook.com/PhraSomdejWa... 092 339 5410,080 629 2955

วันอังคารที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2564

พระกริ่งปวเรศEP22พิมพ์เจ้าสัว

พระกริ่งปวเรศ พิมพ์เจ้าสัวยุคต้นปี พ.ศ. ๒๓๘๐ เนื้อสัมฤทธิ์แดงหรือสัมฤทธิ์ผล ผสมด้วยโลหะธาตุ ๓ ชนิด คือ ทองแดง เป็นส่วนใหญ่และเจือด้วยเงินกับทองคำ สีคล้ายมะขามเปียก พระกริ่งปวเรศชุดนี้มีการอธิษฐานจิตปลุกเสกเพิ่มตั้งแต่ ๑-๓๑ พรรษา หลังองค์พระจาร "นะชาลีติ" ฐานด้านหลังไม่มีบัว ฐานชั้นบนจาร "นะมะพะทะ" ฐานชั้นล่างจารพ.ศ.ที่สร้างและพ.ศที่ปลุกเสกถึง ก้นครกบดยาจารเต็ม พระกริ่งปวเรศที่สร้างในปี พ.ศ. ๒๓๘๐มีสร้างหลายพิมพ์ อธิษฐานจิตปลุกเสกโดย พระวชิรญาณเถระ เจ้าอาวาสอันดับที่ ๑ ของวัดบวรฯ(รัชกาลที่ ๔ ในขณะนั้นเป็นสมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอ เจ้าฟ้ามงกุฎ) หลวงปู่โต กรมพระยาปวเรศวริยาลงกรณ์และพระคณาจารย์อีกหลายท่าน "เจ้าสัว" ที่เรียกพระกริ่งปวเรศพิมพ์นี้ว่าพิมพ์เจ้าสัวเพราะสร้างในปี พ.ศ. ๒๓๘๐ อยู่ในช่วงรัชกาลที่ ๓ เมื่อสมเด็จพระราชชนกได้เสด็จขึ้นครองราชย์เป็นรัชกาลที่ ๒ ใน พ.ศ. ๒๓๕๒ พระองค์จึงได้เลื่อนฐานันดรศักดิ์ขึ้นเป็นพระองค์เจ้าชั้นเอก ออกพระนามว่า พระเจ้าลูกยาเธอ พระองค์เจ้าชายทับ จนปี พ.ศ. ๒๓๕๖ ได้รับพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ทรงกรม เป็น พระเจ้าลูกยาเธอ กรมหมื่นเจษฎาบดินทร์ เมื่อครั้งที่ทรงกำกับราชการกรมท่า(ในสมัยรัชกาลที่ ๒) ได้ทรงแต่งสำเภาบรรทุกสินค้าออกไปค้าขายในต่างประเทศมีรายได้เพิ่มขึ้นในท้องพระคลังเป็นอันมาก พระราชบิดาทรงเรียกพระองค์ว่า "เจ้าสัว" เมื่อรัชกาลที่ ๒ เสด็จสวรรคต มิได้ตรัสมอบราชสมบัติแก่ผู้ใด ขุนนางและพระราชวงศ์ต่างมีความเห็นว่าพระองค์ (ขณะทรงดำรงพระราชอิสริยยศเป็นกรมหมื่นเจษฏาบดินทร์) ขณะนั้นมีพระชนมายุ๓๗ พรรษา ทรงรอบรู้กิจการบ้านเมืองดี ทรงปราดเปรื่องในทางกฎหมาย การค้าและการปกครอง จึงพร้อมใจกันอัญเชิญครองราชย์เป็นรัชกาลที่ ๓ ลักษณะพระกริ่งพิมพ์เจ้าสัวจะดูเล็กกว่าพิมพ์ทั่วไปแต่จะไปใกล้เคียงกับพระกริ่งปวเรศพิมพ์อุบาเก็ง เนื้อพระกริ่งมีความใกล้เคียงกันมาก ลักษณะพระพักตร์และองค์พระดูจะเล็กกว่าพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว แต่อาจเป็นไปได้ว่าช่างได้แกะพิมพ์พระองค์ท่านในสมัยวัยหนุ่ม แม้รัชกาลที่ ๕ สมัยวัยหนุ่มก็ดูรูปร่างเล็กเช่นกัน พอพระชันษามากขึ้นก็ดูภูมิฐานขึ้นไปด้วย เรื่องทั้งหมดนี้จะเชื่อก็ได้ไม่เชื่อก็ได้ แต่พระกริ่งปวเรศชุดนี้มีพลังพุทธานุภาพสูงกว่าพระกริ่งปวเรศเนื้อกลับดำแน่นอน ถ้าท่านใดที่สัมผัสพลังพระได้จะรู้ถึงพลังที่แตกต่างอย่างชัดเจน ในปี พ.ศ. ๒๔๓๖ กรุงเทพมหานครถูกยึดครองเป็นเวลาถึง ๑๒วัน ด้วยกองเรือรบติดอาวุธของฝรั่งเศส อย่างหมดหนทางต้านทานจากฝ่ายไทย ชาวบ้านร้านตลาดพากันอพยพหนีภัยกันจ้าละหวั่นด้วยความแตกตื่นตกใจ แม้แต่รัชกาลที่ ๕ ยังทรงเสียพระราชหฤทัยจนประชวรหนัก และหยุดเสวยพระโอสถ ทรงสิ้นหวังรันทดท้อขนาดมีพระราชนิพนธ์โคลงฉันท์ “ส่งไปลา” เจ้านายพี่น้องบางพระองค์อย่างหมดอาลัยในพระชนมชีพ ไม่มีพระราชประสงค์ดำรงอยู่อีกต่อไป ทรงอดสูพระทัยที่ไม่สามารถแก้ไขสถานการณ์ที่เลวร้ายให้ดีขึ้นได้ จนมีข่าวลืออันอัปยศแพร่สะพัดไปในหมู่ชาวต่างด้าวว่า “พระเจ้าแผ่นดินสยามทรงสั่งให้ขนพระราชทรัพย์ลงบรรทุกเรือพระที่นั่ง และเตรียมพร้อมที่จะเล็ดลอดหลบหนีออกไปจากเมืองหลวงในเวลากลางคืน เพื่อให้รอดพ้นภยันตรายต่างๆ” เส้นตายนั้นคือการตอบรับอย่างไม่มีเงื่อนไขใน ๔๘ ชั่วโมงตามข้อเรียกร้องหินของฝรั่งเศส ในคำขาดนี้มีคำข่มขู่อันแข็งกร้าวปราศจากข้อต่อรองใดๆ ทั้งสิ้น ให้ทรงตัดสินพระทัย ชนิดที่ไม่มีทางออก โดยให้มอบผืนแผ่นดินในพระราชอาณาเขตบนฝั่งซ้ายของแม่น้ำโขง พร้อมด้วยเงินค่าไถ่เป็นค่าปฏิกรณ์สงครามที่ฝ่ายไทยถูกกล่าวหาว่าก่อขึ้นก่อนโดยการเปิดฉากยิงเรือฝรั่งเศส คิดเป็นเงินสดจำนวนทั้งสิ้นรวม ๕,๐๐๐,๐๐๐ ฟรังก์ และให้วางในทันทีก่อน ๑๘.๐๐ น. ของเย็นวันที่ ๒๒ กรกฎาคมศกนั้น มิฉะนั้นกระสุนจากปืนใหญ่บนเรือรบที่ทันสมัยที่สุดจะถูกสั่งให้ระดมยิงเข้าไปในพระที่นั่งจักรีอย่างไม่ปรานีอีกต่อไป รัชกาลที่ ๕ และสมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอ เจ้าฟ้าภาณุรังษีสว่างวงศ์ ซึ่งยึดมั่นอยู่กับความหวังสุดท้าย ว่าอังกฤษจะไม่ทอดทิ้งประเทศของพระองค์ทรงมีพระราชประสงค์ที่จะขัดขืนฝรั่งเศสและข้อเรียกร้องต่างๆ ฝ่ายที่ต่อต้านฝรั่งเศสนี้เป็นพวกที่ชื่นชมอังกฤษ ความเฉยเมยของอังกฤษ และต่อมาคำปฏิเสธอย่างเด็ดขาดที่จะไม่ยอมเข้าแทรกแซงในความขัดแย้งระหว่างไทยกับฝรั่งเศส ทำให้พระปิยมหาราชทรงผิดหวังเป็นอย่างยิ่ง ก่อนถึงเส้นตายในการหาค่าไถ่ มีพระบรมวงศ์ชั้นผู้ใหญ่ทูลเตือนให้ทราบ ถึงเงินพระคลังข้างที่จากสมัยพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว ซึ่งทรงเก็บสะสมไว้จำนวนหนึ่งใน “ถุงแดง” เงินพระคลังข้างที่คือพระราชทรัพย์ส่วนพระองค์ และเงินรายได้แผ่นดินส่วนหนึ่ง ที่แบ่งถวายพระมหากษัตริย์เพื่อใช้จ่ายส่วนพระองค์ในสมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้น “เงินถุงแดง” ที่พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงสะสมไว้เป็นเงินส่วนพระองค์ แต่ก็แปลกที่เงินนี้ไม่ใช่เงิน “พดด้วง” ซึ่งเป็นเงินของไทยที่ใช้อยู่ในสมัยนั้น แต่กลับเป็นเงินของประเทศเม็กซิโกที่อยู่คนละซีกโลก ซึ่งเรียกกันว่า “เหรียญนก” เพราะเป็นเหรียญที่มีรูปนกอินทรีย์อันเป็นสัญลักษณ์ของประเทศเม๊กซิโก และเป็น๑ใน ๓ ของสกุลเงินที่ใช้แลกเปลี่ยนสินค้ากันในย่านนี้ เช่นเดียวกับเงินเปรูและเงินรูเปียของอินเดีย เงินถุงแดงนี้สามารถช่วยไถ่ประเทศจากการรุกรานล่อาณานิคมของฝรั่งเศสได้ รวมกับเงินและทรัพย์สมบัติของเชื้อพระวงศ์อีหลายพระองค์ ในขณะที่เงินถุงแดงมีจำนวนทั้งสิ้น ๒.๔ล้านฟรังก์ พร้อมด้วยพระบรมวงศานุวงศ์ข้าราชการและประชาชน ได้ช่วยกันขายทรัพย์สินและบริจาคจนได้เงินเพิ่มมาอีก ๖๐๐,๐๐๐ ฟรังก์ จนครบ ๓ ล้านฟรังก์ จึงสามารถจ่ายค่าไถ่ครั้งนี้ได้ ทำให้ประเทศไทยสามารถรักษาเอกราชมาได้จนถึงทุกวันนี้ เพื่อถวายพระเกียรติแด่องค์พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ ๓ ในปี พ.ศ ๒๓๘๐ ที่เป็นปีที่มีการสร้างพระกริ่งปวเรศไว้หลายพิมพ์จึงสร้างพระกริ่งปวเรศที่มีพระพักตร์ละม้ายคล้ายพระองค์ท่าน

พระกริ่งปวเรศEP21(พิมพ์สายหน้าจีน พ ศ 2400)หลังจาร ป.ว.ร.

พระกริ่งปวเรศ พิมพ์สายหน้าจีนจีวรลายดอกพิกุลชุดนี้สร้างปี พ.ศ.๒๔๑๐ สมัยรัชกาลที่ ๔ นำพระกริ่งปวเรศต้นแบบปี พ.ศ.๒๓๘๐ สมัยรัชกาลที่๓ มาสร้างอีกครั้ง ได้มีพ่อค้าคนจีนที่เข้ามาค้าขายในกรุงสยามได้นำพระกริ่งจีนใหญ่ พระกริ่งจีนนอก เข้ามาตั้งแต่สมัยสุโขทัย เนื้อพระเป็นโลหะผสมสัมฤทธิ์ สีออกเหลือง แดง แบบ ทองม้าฬ่อ พ่อค้าชาวจีนนิยมนำติดตัว เพื่อคุ้มครองป้องกันภัย เพราะ พระกริ่ง คือ รูปจำลอง องค์พระไภษัชยคุรุพุทธเจ้า ๑ ใน ๓ พระพุทธเจ้า ที่เคารพสูงสุดของชาวพุทธลัทธิมหายานเชื่อว่ามีอานุภาพศักดิ์สิทธิ์ เพื่อเป็นสิ่งป้องกันตัวเองโดยเฉพาะเรื่องโรคภัยไข้เจ็บ ที่คนจีนศรัทธาเป็นอย่างมากที่นำพระกริ่งมาทำน้ำมนต์ดื่มกินรักษาโรค ซึ่งเป็นแบบอย่างในการสร้างพระกริ่งแห่งสยาม พระกริ่งต้นแบบของสยามน่าจะเป็นเนื้อสัมฤทธิ์ไม่ใช่เนื้อนวโลหะอย่างที่หลายคนคิดหรือทำให้คิดว่าเป็นแบบนั้น การสร้างพระกริ่งเนื้อโลหะครั้งแรกๆก็ต้องมีคนแนะนำก็คงต้องเป็นช่างทองชาวจีน ซึ่งก็ได้ความรู้ที่ตกทอดกันมารุ่นสู่รุ่น พระกริ่งจีนนอกเป็นเนื้อทองดอกบวบและพระกริ่งปวเรศยุคต้นๆบางชุดสีผิวแบบเนื้อทองดอกบวบที่ผิวพระเป็นสีน้ำตาลเปลือกมันเทศแต่ด้วยอายุของการสร้างที่ต่างกันหลายร้อยปี พระกริ่งปวเรศเนื้อทองดอกบวบจะให้เหมือนพระกริ่งจีนนอกคงไม่ได้ แต่พอสังเกตุให้รู้ การแกะบล็อกพระกริ่งพิมพ์นี้จึงมีเค้าใบหน้าไปทางคนจีน และองค์พระกริ่งที่สร้างเสร็จแล้วจะมีการตกแต่งองค์พระน้อยมาก ต่างจากพระกริ่งปวเรศเนื้อนวกลับดำที่มีช่างตกแต่งพระกริ่ง 2 คน ทำให้พระกริ่งปวเรศแต่ละองค์ไม่เหมือนกัน เคยได้ยินเซียนพระคนหนึ่งบอกว่าพระกริ่งปวเรศต้องหาองค์ที่มีปากแบบปลากัดหรือปากจู๋ เขาว่ามาอย่างนั้น บางทีก็ไปดูการตกแต่งองค์พระ พระกริ่งปวเรศชุดนี้เนื้อสัมฤทธิ์โชคหรือสัมฤทธิ์เหลืองผิวองค์พระเป็นสีเหลืองหรือขันลงหิน ผิวโลหะชั้นนอกเป็นสนิมโลหะสีน้ำตาล ผิวโลหะชั้นที่ ๒ เป็นสีเหลือง รอยจารจะอยู่ที่ผิวโลหะชั้นที่ 2 ไม่ถึงเนื้อจริงถ้าจารถึงเนื้อจริงโลหะตรงนั้นจะขึ้นเงามีสีเหลืองสดใส เศรษฐีท่านใดที่ได้ครอบครองพระกริ่งปวเรศล้วนบอกว่าของตัวเองเป็นของแท้ทั้งนั้น ผมก็ขอพูดบ้างว่าพระกริ่งปวเรศที่ท่านครอบครองอยู่นั้นพลังพุทธานุภาพยังไม่สูงเท่ากับพระกริ่งปวเรศชุดนี้เลย ระดับท่านคงหาคนที่สามารถสัมผัสพลังพระได้ไม่ยาก ให้คนสัมผัสพลังพระของท่านและพลังพระกริ่งปวเรศชุดนี้ดูก็จะรู้ว่าพระกริ่งปวเรศองค์ไหนมีพลังที่สูงกว่ากัน คนที่สัมผัสพลังพระที่ไม่จำเป็นต้องจับองค์พระแค่มองที่รูปพระก็สัมผัสพลังได้ต้องแบบนี้ แอบมาส่องพระกริ่งปวเรศชุดนี้หรือชุดอื่นๆที่ผมโพสนำเสนอโดยเฉพาะพระกริ่งปวเรศที่อธิษฐานจิต ๓๐พรรษาขึ้นไป แล้วคนที่สัมผัสพลังคนนั้นจะบอกกับท่านเองว่าพระกริ่งปวเรศชุดนี้ถึงจะเป็นจักรพรรดิ์ของพระกริ่งไม่ใช่ของท่าน ความจริงพิสูจน์ได้ครับ พระกริ่งปวเรศองค์นี้ผิวสีน้ำตาลทั้งองค์แต่ตามซอกลึกจะมีสีดำสนิมโลหะเนื้อเงินคือไม่ได้สีน้ำตาลทั้งองค์เลยต่างจากพระใหม่ที่ใช้สีทาจะเป็นสีน้ำตาลหรือสีเหลืองทั้งองค์ตามที่เคยบอกไปแล้วหลายครั้ง พระกริ่งปวเรศองค์นี้สร้างในสมัยรัชกาลที่ ๕ รุ่นเดียวกับพระกริ่งปวเรศปราบฮ่อหรือปราบเงี้ยวไม่ทันหลวงปู่โต กรมพระยาปวเรศเป็นผู้อธิษฐานจิตปลุกเสก พระกริ่งปวเรศองค์นี้มอบให้ทหารชั้นผู้ใหญ่หรือเจ้านายชั้นผู้ใหญ่ที่ไปร่วมปราบฮ่อ เพราะองค์พระกริ่งปวเรศมีตอกหมุดทองคำ ฝีมือช่างใช้หมุดทองคำตอกลงไปในรูที่เจาะไว้แล้วสังเกตุหมุดทองคำที่หลุดออกมาตรงนั้นจะมีรูสำหรับตอกหมุดเข้าไป ไม่ใช่ใช้ยางรักทาแล้วนำแผ่นทองที่เตรียมไว้ปิดลงไป หรือพระโรงงานจะใช้สีทองทา สังเกตุผิวโลหะมีความเก่าธรรมชาติไม่เรียบตึงและมัน https://www.facebook.com/PhraSomdejWatRakhanggenuine 092 339 5410,080 629 2955

วันอาทิตย์ที่ 21 พฤศจิกายน พ.ศ. 2564

พระกริ่งปวเรศEP20พิมพ์สมบูรณ์พูนสุขคอตึง

พระกริ่งปวเรศพิมพ์สมบูรณ์พูนสุขรุ่นคอตึงสร้างปี พ.ศ.๒๓๘๐ สมัยรัชกาลที่๓ พระกริ่งปวเรศชุดนี้เป็นชุดพิเศษจารอักขระ ยันต์และปี พ.ศ อธิษฐานจิตปลุกเสกหลายพรรษาพลังพุทธานุภาพสูงมาก ลักษณะองค์พระของพระกริ่งปวเรศพิมพ์นี้จะดูเล็กกว่าพระกริ่งปวเรศพิมพ์สมบูรณ์พูนสุขนิยม พ.ศ.๒๓๘๐ ใบหน้าเล็กแต่ส่วนลำคอคล้ายเส้นเอ้นของลำคอขึ้นให้เห็นหลายเส้น บางองค์เห็นเส้นชัดเจนบางองค์เห็นลางๆ องค์พระก็ดูเล็กกว่าแต่จีวรมีลายดอกพิกุลในตัว ร่องกลางระหว่างบัวหลังชั้นบนและชั้นล่างดูจะชิดกันมากกว่า ขอบบัวหลังด้านบนที่ติดกับองค์พระและขอบบัวหลังด้านล่างติดฐานหรือก้นพระกริ่งจะมนไม่เป็นเหลี่ยม -พระกริ่งปวเรศพิมพ์สมบูรณ์พูนสุขนิยม ๒๓๘๐ พระพักตร์เอียงขวาเล็กน้อยแบบเดียวกับพระรอดมหาวันและพระสมเด็จวัดระฆังพิมพ์นิยม -พระกริ่งปวเรศพิมพ์สมบูรณ์พูนสุขเศียรขีด คือด้านหลังเศียรพระมีรอยขีด -พระกริ่งปวเรศพิมพ์สมบูรณ์พูนสุขคอตึง เนื้อสัมฤทธิ์เหลืองหรือสัมฤทธิ์โชค มีสนิมโลหะสีดำของโลหะเงินทับสีเหลือง พระกริ่งปวเรศเนื้อสัมฤทธิ์จะมีผิวโลหะที่แตกต่างกัน ที่จะเห็นเหลืองทั้งองค์หรือแดงทั้งองค์นั้นก็มีน้อยมาก แต่ก็ต้องระวังถ้าเหลืองทั้งองค์หรือน้ำตาลทั้งองค์นั้นเป็นการทาสีทับไว้หรือเปล่าคงดูองค์ประกอบอื่นๆด้วย พระกริ่งปวเรศที่สร้างในปี พ.ศ. ๒๓๘๐ นั้นมีความหลากหลายของเนื้อโลหะและสีผิวโลหะแต่จะมีความเหมือนตรงสนิมโลหะสีดำที่เป็นธรรมชาติจะล้างไม่ออกเช็ดด้วยน้ำยาล้างเล็บหรือทินเนอร์ก็ไม่ออก ต้องใช้wenolขัดหลายเที่ยวถึงเนื้อในที่เป็นเนื้อทองเหลือง เนื้อสัมฤทธิ์โชค ได้แก่ ทองแดง ตะกั่ว สังกะสี เงิน ทองคำ มีวรรณะเหลืองคล้ายเนื้อกลองมโหระทึก หรือขันลงหิน เนื้อทองเหลืองเกิดจากทองแดงผสมสังกะสี เนื้อเงินทำให้เกิดสนิมดำ เนื้อโลหะสัมฤทธิ์ของพระกริ่งปวเรศยุคต้นจึงมีความหลากหลายอย่างที่บอกไปแล้ว ที่จะต่างจากเนื้อนวะกลับดำคือเนื้อต้องดำอย่างเดียวไม่มีสีอื่น เขาว่าตำราสร้างพระกริ่งปวเรศมาจากพระพนรัตน์วัดป่าแก้วอยุธยา แต่ในสมัยอยุธยามีใครเคยเห็นพระกริ่งที่เป็นเนื้อนวโลหะหรือได้มีการสร้างเอาไว้หรือไม่ลองคิดพิจารณาดูครับ พระเครื่องเมืองไทยจะกล่าวอ้างนั้นอ้างนี่ ชุดนี้แท้ชุดนั้นไม่แท้แล้วแต่เหตุผลฝ่ายไหนน่าเชื่อถือกว่ากัน แต่สำหรับพระกริ่งปวเรศชุดนี้และทั้งหมดที่นำเสนอไปนั้นเป็นพยานวัตถุอย่างดี นอกจากพวกท่านจะบอกว่าเนื้อพระกริ่งปวเรศชุดนี้ไม่เก่าจริงเพราะจะไปขัดผลประโยชน์ของพวกท่านนั้นหรือ พยานวัตถุน่าเชื่อถือมากกว่าลมปากคำกล่าวอ้างของพวกหวังประโยชน์ แต่พระกริ่งปวเรศชุดนี้ใช่ว่าจะเป็นพยานวัตถุอย่างดีเท่านั้นยังมีพลังพุทธานุภาพสูงกว่าพระกริ่งปวเรศชุดเนื้อนวกลับดำหลายเท่าอีกด้วย ถึงตรงนี้คนที่ไม่เชื่อพลังคุณพระก็จะพูดว่าพิสูจน์ไม่ได้ใครจะเชื่อ นั่นซีใครจะเชื่อ แต่ถ้าผมจะบอกว่าพิสูจน์ได้ ท่านจะคิดอย่างไร ก็คงต้องมีคำถามต่อไปว่าจะพิสูจน์อย่างไร อย่างนี้นะสำหรับคนที่สนใจจะบูชาพระกริ่งปวเรศองค์ใดองค์หนึ่งของชุดนี้โทรมาคุยกับผมตกลงเงื่อนไขเรียบร้อยแล้ว ผมจะให้ท่านอธิษฐานจิตตามผมถ้าพระกริ่งปวเรศองค์ใดองค์หนึ่งถูกโฉลกกับท่านๆจะสัมผัสพลังได้ และถ้าท่านหารูปพระกริ่งปวเรศของเซียนคนไหนก้ได้มาประกบกับพระกริ่งปวเรศชุดนี้ตามตัวอย่างที่ผมทำไว้ แล้วส่งรูปมาที่ไลน์ของผมๆจะให้ท่านพิสูจน์สัมผัสพลังว่าพระกริ่งปวเรศองค์ไหนมีพลังที่แรงกว่ากัน ท่านก็คงสงสัยอีกว่าเป็นไปได้หรือ พระกริ่งปวเรศแท้ๆทำแบบนี้ได้ ส่วนคนอื่นอาจทำไม่ได้ก็ต้องมีเหตุผลทั้งนั้น แต่มาสนใจว่าถ้าท่านทำตามผมบอกแล้วและสัมผัสพลังที่แตกต่างกันได้จริงตามที่ผมบอก ท่านจะบูชาพระกริ่งปวเรศองค์นี้ไปเลยหรือไม่ตามที่ตกลงกันไว้ แต่ถ้าท่านไม่บูชาอยากจะลองอย่างเดียว นั่นซิผมจึงต้องคุยเงื่อนไขกับท่านไว้ก่อนเพื่อไม่ให้ท่านมาลองเล่นๆหรอกนะ ผมก็ต้องให้ท่านตั้งสัจจะไว้ก่อน คิดดูให้ดีก่อนว่าท่านตั้งใจที่จะทำอะไรแน่ พระกริ่งปวเรศชุดนี้สำหรับคนมีบารมีครับ https://www.facebook.com/PhraSomdejWatRakhanggenuine 092 339 5410,080 629 2955

วันพฤหัสบดีที่ 18 พฤศจิกายน พ.ศ. 2564

พระสมเด็จวัดระฆังEP05พิมพ์ต้อลังกาชุดพิเศษหลังจารยันต์อักขระ


พระสมเด็จพิมพ์ต้อหรือต้อลังกา แกะบล็อกโดยช่างหลวงวิจิตร นฤมล พุทธศิลป์องค์พระอวบใหญ่ฐานทั้ง ๓ ชั้นจะดูใหญ่กว่าพระสมเด็จวัดระฆังพิมพ์อื่นๆโดยเฉพาะฐานชั้นที่ ๓ สี่เหลี่ยมคางหมูที่มีความกว้างหนาใหญ่เป็นเอกลักษณ์และจุดเด่นของพระสมเด็จวัดระฆังพิมพ์นี้ ซึ่งได้รูปแบบมาจากประเทศศรีลังกา พระสมเด็จวัดระฆังพิมพ์ต้อลังกาชุดนี้เป็นชุดพิเศษเหมือนกับหลายพิมพ์หลายชุดที่ด้านหลังองค์พระมีรอยจารด้วยดินสอ พิจารณาตัวอักขระแบบเดียวกับพระกริ่งปวเรศยุคต้น ลายมือก็เหมือนกัน พระสมเด็จวัดระฆังที่มีรอยจารด้านหลังจึงมีพลังพุทธานุภาพเพิ่มขึ้นกว่าพระสมเด็จวัดระฆังพิมพ์เดียวกันที่สร้างวาระเดียวกัน แม้แต่พระสมเด็จวัดระฆังที่สร้างในวาระอื่น บางคนสนใจพิมพ์ทรงต้องตามตำรา ไม่รู้ตำราใคร บางคนเดินตามก้นเซียนตามที่เขากำหนด บางคนสนใจมวลสารต้องตามตำรา ชมรมพระเครื่องหลายชมรมต้องใช้หลักวิทยาศาสตร์มาพิสูน์เนื้อหามวลสารจะเป็นกล้องขยายขนาด 1,000 เท่าหรือในเวลานี้มีการพิสูจน์DNA ด้วย พระสมเด็จวัดระฆังเมื่อพิสูจน์ออกมาแล้วว่าแท้ก็ต้องแท้ แต่เครื่องมือวิทยาศาสตร์ในเวลานี้ยังไม่สามารถพิสูจน์พลังขององค์พระหรือพลังแฝงในองค์พระที่ต้องมีอะไรไปกระตุ้นให้พลังงานนั้นปรากฏออกมา ซึ่งตาเปล่าไม่สามารถเห็นได้เลยนอกจากกระแสพลังงานขององค์พระมากระทบตัวคนนั้นให้มีความรู้สึกอย่างเช่น เกิดอาการขนลุก และอาการขนลุกมีหลายระดับ อ่อนที่สุดขนลุกขึ้นแขนข้างเดียว ขนลุกแขนทั้ง 2 ข้าง ขนลุกทั้งตัว ขนลุกทั้งตัวขึ้นศีรษะ แน่นหน้าอก จุก ขนลุกจากเท้าขึ้นหัว อาการร้อน อาการเย็น พลังบีบอัดทั้งตัวมึนศีรษะ พลังสูงสุดร่างกายทนไม่ไหวต้องปล่อยวางทันทีอย่าไปอยากรู้อยากเห็นต่อไป ฝืนไม่ได้อาจเป็นอันตรายมากกว่าที่คิด เพราะก็ยังไม่มีใครฝืนได้เลย แต่ก็มีหลายคนที่สัมผัสพลังพระสมเด็จวัดระฆังที่มีรอยจาร บางคนแค่เห็นรูปก็มีอาการขนลุกแล้ว ปวดหัว หัวใจเต้นแรง ก็เกิดขึ้นจริงแล้ว ถ้าเรื่องไม่จริงไม่กล้าที่จะบอก เพราะกรรมจะตกอยู่กับตัวผมเองที่ไปเล่าเรื่องโกหกคนอื่น สำหรับท่านที่สนใจที่จะบูชาพระสมเด็จวัดระฆังองค์ใดองค์ 1 ในชุดนี้ โทรมาคุยตกลงเงื่อนไขกับผมให้เป็นที่เรียบร้อย ถ้าพระสมเด็จวัดระฆังองค์ที่ถูกโฉลกกับท่านเมื่อท่านอธิษฐานจิตตามที่ผมบอกท่านอาจสัมผัสกับพลังพระได้ ถึงแม้ว่าท่านจะไม่เคยสัมผัสกับพลังพระมาได้ก่อนเลย ท่านฟังดูแล้วคิดว่ายังไง แปลกหรือไม่ และถ้าท่านอธิษฐานจิตตามที่ผมบอกแล้วสัมผัสพลังพระได้จริง ท่านคิดว่ายังไง การสัมผัสพลังพระโดยไม่ต้องจับองค์พระเพียงดูที่รูปพระและทำตามผมก็สัมผัสพลังพระได้ และท่านอาจจะหารูปพระสมเด็จวัดระฆังของใครก็ได้ จะเป็นพระสมเด็จองค์ดัง องค์ครูก็ได้ นำมาประกบกับพระสมเด็จวัดระฆังองค์นี้แล้วส่งรูปมาที่ไลน์ของผม อธิษฐานจิตตามผมบอกดูว่าพระสมเด็จวัดระฆังองค์ไหนของใครจะมีพลังที่แรงกว่า ผมให้ท่านพิสูจน์ถึงขนาดนี้เลย มีใครที่ไหนที่ให้ท่านได้ขนาดนี้ พระสมเด็จวัดระฆังที่ท่านชอบอาจจะดูสวยบางทีอาจเป็นแค่เครื่องประดับก็เป็นไปได้คือพระไม่มีพลัง หรือเป็นพระที่พลังน้อยกว่าองค์นี้มาก ท่านชอบแบบไหน คนมีบารมีจะได้ครอบครองพระสมเด็จวัดระฆังแท้ที่มีพลังพุทธานุภาพสูง
https://www.facebook.com/PhraSomdejWa... 092 339 5410,080 629 2955

วันพุธที่ 17 พฤศจิกายน พ.ศ. 2564

พระสมเด็จวัดระฆังEP04พิมพ์มหาราชาหรือพิมพ์มหาราชหลังมีรอยจาร

พระสมเด็จพิมพ์มหาราชหรือมหาราชาที่ยังไม่มีใครตั้งชื่อพิมพ์หรืออาจจะมีก็ไม่รู้ แต่เห็นว่าพระสมเด็จวัดระฆังพิมพ์นี้มีความสวยเด่นงามสง่าไม่เหมือนพิมพ์ทั่วไป ที่มีเส้นสังฆาฏินูนขึ้นจากบ่าซ้ายทอดยาวมาถึงหน้าท้องไม่ใหญ่เกินไปดูสมองค์พระ ต่างจากอีกพิมพ์ที่เส้นสังฆาฏิดูหนาและใหญ่แม้แต่องค์พระก็ดูล่ำใหญ่กว่า พระสมเด็จพิมพ์มหาราชพิมพ์นี้ดูอ่อนช้อยมีเมตตาแต่แฝงด้วยบารมี พระสมเด็จพิมพ์มหาราชชุดนี้เป็นชุดพิเศษเหมือนกับหลายพิมพ์หลายชุดที่ด้านหลังองค์พระมีรอยจารด้วยดินสอ พิจารณาตัวอักขระแบบเดียวกับพระกริ่งปวเรศยุคต้น ลายมือก็เหมือนกัน พระสมเด็จวัดระฆังที่มีรอยจารด้านหลังจึงมีพลังพุทธานุภาพเพิ่มขึ้นกว่าพระสมเด็จวัดระฆังพิมพ์เดียวกันที่สร้างวาระเดียวกัน แม้แต่พระสมเด็จวัดระฆังที่สร้างในวาระอื่น บางคนสนใจพิมพ์ทรงต้องตามก้นเซียน บางคนสนใจมวลสารต้องตามตำรา ต้องใช้วิทยาศาสตร์มาพิสูน์เนื้อหามวลสารจะเป็นกล้องขยายขนาด 1,000 เท่าหรือในเวลานี้มีการพิสูจน์DNA ด้วย พระสมเด็จวัดระฆังเมื่อพิสูจน์ออกมาแล้วว่าแท้ก็ต้องแท้ แต่เครื่องมือวิทยาศาสตร์ในเวลานี้ยังไม่สามารถพิสูจน์พลังขององค์พระหรือพลังแฝงในองค์พระที่ต้องมีอะไรไปกระตุ้นให้พลังงานนั้นปรากฏออกมา ซึ่งตาเปล่าไม่สามารถเห็นได้เลยนอกจากกระแสพลังงานขององค์พระมากระทบตัวคนนั้นให้มีความรู้สึกอย่างเช่น เกิดอาการขนลุก ขนลุกมีหลายระดับ อ่อนที่สุดขนลุกขึ้นแขนข้างเดียว ขนลุกแขนทั้ง 2 ข้าง ขนลุกทั้งตัว ขนลุกทั้งตัวขึ้นศีรษะ แน่นหน้าอก จุก ขนลุกจากเท้าขึ้นหัว อาการร้อน อาการเย็น พลังบีบอัดทั้งตัวมึนศีรษะ พลังสูงสุดร่างกายทนไม่ไหวต้องปล่อยวางทันทีอย่าไปอยากรู้อยากเห็นต่อไป ฝืนไม่ได้อาจเป็นอันตรายมากกว่าที่คิด เพราะก็ยังไม่มีใครฝืนเลย อย่างที่บอกบางคนถึงมึนและปวดศีรษะอย่างแรง บางคนจุกแน่นหน้าอกหมดแรงไปเลย แต่ก็มีหลายคนที่สัมผัสพลังพระสมเด็จวัดระฆังที่มีรอยจาร บางคนแค่เห็นรูปก็มีอาการขนลุกแล้ว ปวดหัว หัวใจเต้นแรง อาการเหล่านี้เกิดขึ้นแล้วกับหลายคน ถ้าเรื่องไม่จริงไม่กล้าที่จะบอกหรือแต่งเรื่องขึ้นมา เพราะกรรมจะตกอยู่กับตัวผมเองที่ไปแต่งเรื่องโกหกคนอื่นให้หลงเชื่อพระสมเด็จวัดระฆังไม่แท้และบอกว่าแท้แถมบอกว่ามีพลังพุทธานุภาพสูงกว่าพระสมเด็จวัดระฆังทั่วไปอีกด้วย สำหรับท่านที่สนใจที่จะบูชาพระสมเด็จวัดระฆังองค์ใดองค์ 1 ในชุดนี้ โทรมาคุยตกลงเงื่อนไขกับผมให้เป็นที่เรียบร้อย ถ้าพระสมเด็จวัดระฆังองค์ที่ถูกโฉลกกับท่านเมื่อท่านอธิษฐานจิตตามที่ผมบอกท่านอาจสัมผัสกับพลังพระได้ ถึงแม้ว่าท่านจะไม่เคยสัมผัสกับพลังพระมาได้ก่อนเลย ท่านฟังดูแล้วคิดว่ายังไง แปลกหรือไม่ และถ้าท่านอธิษฐานจิตตามที่ผมบอกแล้วสัมผัสพลังพระได้จริง ท่านคิดว่ายังไง การสัมผัสพลังพระโดยไม่ต้องจับองค์พระเพียงดูที่รูปพระและทำตามผมก็สัมผัสพลังพระได้ และท่านอาจจะหารูปพระสมเด็จวัดระฆังของใครก็ได้ จะเป็นพระสมเด็จองค์ดัง องค์ครูก็ได้ นำมาประกบกับพระสมเด็จวัดระฆังองค์นี้แล้วส่งรูปมาที่ไลน์ของผม อธิษฐานจิตตามผมบอกดูว่าพระสมเด็จวัดระฆังองค์ไหนของใครจะมีพลังที่แรงกว่ากัน ผมให้ท่านพิสูจน์ถึงขนาดนี้เลย มีใครที่ไหนที่ให้ท่านได้ขนาดนี้ พระสมเด็จวัดระฆังที่ท่านชอบอาจจะดูสวยบางทีอาจเป็นแค่เครื่องประดับก็เป็นไปได้คือพระไม่มีพลัง หรือเป็นพระที่พลังน้อยกว่าองค์นี้มาก ท่านชอบแบบไหน คนมีบารมีจะได้ครอบครองพระสมเด็จวัดระฆังแท้ที่มีพลังพุทธานุภาพสูงกว่าพระสมเด็จวัดระฆังทั่วไป https://www.facebook.com/PhraSomdejWa... 092 339 5410,080 629 2955

พระกริ่งปวเรศEP18(พิมพ์สมบูรณ์พูนสุขโค๊ตเม็ดงายุคต้นสร้างปี พ.ศ.๒๓๘๐)

พระกริ่งปวเรศพิมพ์สมบูรณ์พูนสุขตอกโค๊ตเม็ดงามีไส้ สร้างปี พ.ศ.๒๓๘๐ สมัยรัชกาลที่๓ พระกริ่งปวเรศชุดนี้เป็นชุดพิเศษจารอักขระ ยันต์และปี พ.ศ อธิษฐานจิตปลุกเสกหลายพรรษาพลังพุทธานุภาพสูงมาก สังเกตไส้จะไม่เป็นจุดแต่จะรีตามรูปเม็ดงา เนื้อสัมฤทธิ์เหลืองหรือสัมฤทธิ์โชค มีสนิมโลหะสีดำของโลหะเงินทับสีเหลือง พระกริ่งปวเรศเนื้อสัมฤทธิ์จะมีผิวโลหะที่แตกต่างกัน ที่จะเห็นเหลืองทั้งองค์หรือแดงทั้งองค์นั้นก็มีน้อยมาก แต่ก็ต้องระวังถ้าเหลืองทั้งองค์หรือน้ำตาลทั้งองค์นั้นเป็นการทาสีทับไว้หรือเปล่าคงดูองค์ประกอบอื่นๆด้วย พระกริ่งปวเรศที่สร้างในปี พ.ศ. ๒๓๘๐ นั้นมีความหลากหลายของเนื้อโลหะและสีผิวโลหะแต่จะมีความเหมือนตรงสนิมโลหะสีดำที่เป็นธรรมชาติจะล้างไม่ออกเช็ดด้วยน้ำยาล้างเล็บหรือทินเนอร์ก็ไม่ออก ต้องใช้wenolขัดหลายเที่ยวถึงเนื้อในที่เป็นเนื้อทองเหลือง เนื้อสัมฤทธิ์โชค ได้แก่ ทองแดง ตะกั่ว สังกะสี เงิน ทองคำ มีวรรณะเหลืองคล้ายเนื้อกลองมโหระทึก หรือขันลงหิน เนื้อทองเหลืองเกิดจากทองแดงผสมสังกะสี เนื้อเงินทำให้เกิดสนิมดำ เนื้อโลหะสัมฤทธิ์ของพระกริ่งปวเรศยุคต้นจึงมีความหลากหลายอย่างที่บอกไปแล้ว ที่จะต่างจากเนื้อนวะกลับดำคือเนื้อต้องดำอย่างเดียวไม่มีสีอื่น เขาว่าตำราสร้างพระกริ่งปวเรศมาจากพระพนรัตน์วัดป่าแก้วอยุธยา แต่ในสมัยอยุธยามีใครเคยเห็นพระกริ่งที่เป็นเนื้อนวโลหะหรือได้มีการสร้างเอาไว้หรือไม่ลองคิดพิจารณาดูครับ พระเครื่องเมืองไทยจะกล่าวอ้างนั้นอ้างนี่ ชุดนี้แท้ชุดนั้นไม่แท้แล้วแต่เหตุผลฝ่ายไหนน่าเชื่อถือกว่ากัน แต่สำหรับพระกริ่งปวเรศชุดนี้และทั้งหมดที่นำเสนอไปนั้นเป็นพยานวัตถุอย่างดี นอกจากพวกท่านจะบอกว่าเนื้อพระกริ่งปวเรศชุดนี้ไม่เก่าจริงเพราะจะไปขัดผลประโยชน์ของพวกท่านนั้นหรือ พยานวัตถุน่าเชื่อถือมากกว่าลมปากคำกล่าวอ้างของพวกมีหวังประโยชน์ แต่พระกริ่งปวเรศชุดนี้ใช่ว่าจะเป็นพยานวัตถุอย่างดีเท่านั้นยังมีพลังพุทธานุภาพสูงกว่าพระกริ่งปวเรศชุดเนื้อนวกลับดำหลายเท่าอีกด้วย ถึงตรงนี้คนที่ไม่เชื่อพลังคุณพระก็จะพูดว่าพิสูจน์ไม่ได้ใครจะเชื่อ นั่นซีใครจะเชื่อ แต่ถ้าผมจะบอกว่าพิสูจน์ได้ ท่านจะคิดอย่างไร ก็คงต้องมีคำถามต่อไปว่าจะพิสูจน์อย่างไร อย่างนี้นะสำหรับคนที่สนใจจะบูชาพระกริ่งปวเรศองค์ใดองค์หนึ่งของชุดนี้โทรมาคุยกับผมตกลงเงื่อนไขเรียบร้อยแล้ว ผมจะให้ท่านอธิษฐานจิตตามผมถ้าพระกริ่งปวเรศองค์ใดองค์หนึ่งถูกโฉลกกับท่านๆจะสัมผัสพลังได้ และถ้าท่านหารูปพระกริ่งปวเรศของเซียนคนไหนก้ได้มาประกบกับพระกริ่งปวเรศชุดนี้ตามตัวอย่างที่ผมทำไว้ แล้วส่งรูปมาที่ไลน์ของผมๆจะให้ท่านพิสูจน์สัมผัสพลังว่าพระกริ่งปวเรศองค์ไหนมีพลังที่แรงกว่ากัน ท่านก็คงสงสัยอีกว่าเป็นไปได้หรือ พระกริ่งปวเรศแท้ๆทำแบบนี้ได้ ส่วนคนอื่นอาจทำไม่ได้ก็ต้องมีเหตุผลทั้งนั้น แต่มาสนใจว่าถ้าท่านทำตามผมบอกแล้วและสัมผัสพลังที่แตกต่างกันได้จริงตามที่ผมบอก ท่านจะบูชาพระกริ่งปวเรศองค์นี้ไปเลยหรือไม่ตามที่ตกลงกันไว้ แต่ถ้าท่านไม่บูชาอยากจะลองอย่างเดียว นั่นซิผมจึงต้องคุยเงื่อนไขกับท่านไว้ก่อนเพื่อไม่ให้ท่านมาลองเล่นๆหรอกนะ ผมก็ต้องให้ท่านตั้งสัจจะไว้ก่อน คิดดูให้ดีก่อนว่าท่านตั้งใจที่จะทำอะไรแน่ พระกริ่งปวเรศชุดนี้สำหรับคนมีบารมีครับ https://www.facebook.com/PhraSomdejWa... 092 339 5410,080 629 2955

วันอาทิตย์ที่ 14 พฤศจิกายน พ.ศ. 2564

พระขุนแผนกรุโรงเหล้า สุดยอดมหาเสน่ห์ พระในตำนานหายาก


พระขุนแผน กรุโรงเหล้าเป็นพระดินเผาสีขาวสนิท มีทั้งหมดเพียง 2 พิมพ์ คือพิมพ์อกใหญ่กับพิมพ์แขนอ่อน จำนวนพระที่ขุดกรุได้มีจำนวนน้อยมาก จึงเป็นพระที่ดูเหมือนจะอยู่ในตำนานเท่านั้น จะเห็นได้ค่อนข้างน้อยมาก พุทธศิลป์เป็นพุทธศิลป์ของพระขุนแผนเคลือบ วัดใหญ่ชัยมงคล อยุธยา ซึ่งเหมือนกับพุทธศิลป์ของ พระขุนแผน กรุบ้านกร่าง จังหวัดสุพรรณบุรี เพียงแต่ว่าพระขุนแผนกรุโรงเหล้า จะเป็นเนื้อดินเผาสีขาวสนิท เนื้อขาวใบลาน และปราศจากกรวดทรายเจือปน เนื้อขาวปนชมพู พระขุนแผนพิมพ์อกใหญ่ กรุโรงเหล้าสีชมพูเนื้อละเอียดใช้กล้องส่องตะแคงองค์พระให้ได้องศาประ มาณ 45 องศาเห็นผงทรายเงินทรายทองกระจายเต็มองค์พระ ทั้งสองสี ขาวและขาวปนชมพู พระเครื่องเจ้าเสน่ห์มหาเสน่ห์เนื้อขององค์พระจึงสะอาดและผิวด้าน ๆ ถึงแม้ว่าพระขุนแผนทั้ง 3 กรุจะเป็นพุทธศิลป์ที่เหมือนกัน แต่พระขุนแผนกรุโรงเหล้าจะมีพุทธศิบป์ที่หนาและลึกกว่าพระกรุอื่นเป็นอย่างมาก หลังเป็นพิมพ์เรียบโดยมีคราบแคลเซียมจับบนผิวและพระขุนแผนกรุโรงเหล้าแตกต่างจากพระขุนแผนกับ 2 กรุคือเป็นพระที่ยังไม่ได้เคลือบด้วยน้ำยา เท่านั้น พระสมบูรณ์รวมกันแล้วไม่เกิน 100 องค์เท่านั้น เขาจึงว่าหาชมของจริงได้ยากมาก มีเรื่องเล่าประจำสนามพระหน้าวัง ที่เป็นแหล่งชุมนุมเซียนพระประจำเมืองกรุงเก่า ซึ่งถือได้ว่า เป็นตำนานประจำสนามพระเรื่องหนึ่งก็ว่าได้ กล่าวคือ เรื่องมีอยู่ว่า มีเซียนพระ 3 คน แย่งกันจีบผู้หญิงคนเดียวกัน แต่ละคนต่างมีของดีอยู่ประจำกาย คนที่หนึ่งห้อยพระขุนแผนเคลือบ กรุวัดใหญ่ชัยมงคล คนที่ 2 ห้อยพระขุนแผน กรุโรงเหล้า และคนที่ ๓ ห้อยพระขุนแผน กรุวัดบ้านกร่าง จ.สุพรรณบุรี ปรากฏว่า คนที่ห้อย พระขุนแผน กรุโรงเหล้า ชนะใจผู้หญิงคนนั้น (จะด้วยเพราะอะไรก็มิอาจรู้ได้) ซึ่งเรื่องนี้กลายเป็นตำนานส่วนหนึ่งก็เพราะว่า เป็นครั้งแรกที่ พระขุนแผน กรุ “ดัง” ทั้ง 3 กรุ มาประชันกันในด้านเมตตามหานิยม ผ่านความเชื่อของผู้บูชาติดตัว ยังมีอีกเรื่องว่ามีผู้ชายไปหลงรักกับหญิงสาวคนหนึ่ง ไปมาหาจีบตลอดเวลาแต่สาวเจ้าไม่ใจอ่อนสักที ชายคนนนี้ได้เคยยินกิตติศัพท์อันเรื่องลือของพระขุนแผนกรุโรงเหล้ามาแล้วและพยายามเสาะแสวงหาจนไปเจอของเพื่อนคนหนึ่งสภาพชำรุด เมื่อชายคนนี้ได้พระขุนแผนกรุโรงเหล้าขึ้นคอแล้วรีบไปหาหญิงสาวคนนั้นทันที จากที่หมดหวังแล้วแต่ครั้งนี้หญิงสาวกลับยินดีที่จะคบหากัน ที่สุดเขาว่าได้ผู้หญิงคนนี้เป็นภรรยาด้วยฯ และยังคงอยู่ด้วยกันตลอดไป เคยได้ยินอาจารย์ท่านหนึ่งบอกว่าวิชามหาเสน่ห์ของขุนแผนนั้น ถ้าใครใช้ไปแล้วได้ผู้หญิงมาเป็นเมีย ห้ามทอดทิ้งผู้หญิงคนนั้นเป็นอันขาด เขาแช่งไว้ตายไปเป็นหมาบ้า 500 ชาติเลยทีเดียว สำหรับคนเล่นวิชาจะกลัวมาก ถ้ามีอะไรสั่งห้ามทำ ห้ามกิน ห้ามลอดราวตากผ้า ห้ามลอดไม้ค้ำกล้วย ห้ามลอดสะพานหัวเดียว เป็นต้น นอกจากนี้ยังมีเรื่องจริงที่มีผู้เล่าให้ผู้เขียนฟังอีกหลายเรื่อง ซึ่งส่วนใหญ่เป็นเรื่องที่เกี่ยวกับพุทธคุณด้านเมตตามหานิยมทั้งสิ้น จนเป็นที่เล่าขานของวงการเซียนพระเมืองกรุงเก่าอย่างกว้างขวาง ท่านใดที่สนใจบูชาพระขุนแผนองค์ใดองค์ 1 ใน 2 องค์นี้ โทรติดต่อมาได้เลยครับ และถ้าท่านบอกว่าสนใจแต่ไม่รู้ว่าเป็นพระแท้หรือพระเก๊ ผมจะรู้ได้อย่างไร ถ้าท่านมีความสนใจจริงๆและท่านจะได้เป็นเจ้าของแล้ว โทรมาคุยกับผมแล้วผมจะให้ท่านอธิษฐานจิตตามที่ผมบอก ท่านอาจสามารถสัมผัสกับพลังของพระองค์นี้ได้เลย ถ้าท่านจะถามว่าเป็นไปได้หรือ ก็เป็นไปแล้วหลายคน ท่านลองคิดดูนะ ถ้าท่านสัมผัสพลังพระได้ตามที่ผมบอก ท่านคิดว่าจะดีขนาดไหน ท่านสัมผัสพลังด้วยตัวท่านเองไม่ใช่มีคนอื่นมาบอกว่าพระดีอย่างไรแต่ไม่มีอะไรพิสูจน์ได้ มีแต่ความเชื่อเขา ซึ่งเขาพูดจริงหรือไม่จริงจะรู้ได้อย่างไร แต่นี่ท่านไม่เคยสัมผัสพลังพระได้มาก่อนเลยแล้วทำตามผมบอกก็สัมผัสพลังได้ โดยตัวท่านไม่ได้จับองค์พระโดยตรงได้เพียงแต่ดูรูปอย่างเดียว ท่านว่ามหัศจรรย์แค่ไหนและมีสักกี่คนที่ทำได้ ท่านก็พิจารณาดูว่าสมควรที่จะบูชาพระองค์นี้หรือไม่ แต่ถ้าท่านสัมผัสพลังไม่ได้ก็หมายความว่าพระองค์นี้ไม่ใช่ของท่าน หลายคนที่ขอบูชาพระจากผมไปผมก็ให้เขาสัมผัสพลังพระแบบนี้ เพราะส่วนใหญ่ดูพระไม่เป็นแต่ศรัทธาในองค์พระและเชื่อคำพูดผม ที่เชื่อคำพูดของผมเพราะผมนำเรื่องแบบนี้โพสไว้ในfacebookบ่อยมากและนำเรื่องที่หลายคนสัมผัสพลังพระตามที่ผมบอกลงโพสให้ดูด้วย ถ้าผมแต่งเรื่องขึ้นมาผมโดนทัวร์ลงไปนานแล้ว ถ้าท่านมีบารมีและถูกโฉลกกับพระองค์นี้ โทรมาคุยและสัมผัสพลังพระได้ครับ พระขุนแผน ก่อนปี พ.ศ.2500 แพงกว่าพระสมเด็จวัดระฆังอีกนะจะบอกให้ https://www.facebook.com/PhraSomdejWatRakhanggenuine 092 339 5410,080 629 2955

วันพฤหัสบดีที่ 11 พฤศจิกายน พ.ศ. 2564

พระกริ่งปวเรศEP17 ยุคต้นพิมพ์หน้าธิเบตใหญ่


พระกริ่งปวเรศ พิมพ์หน้าธิเบตใหญ่ที่เรียกว่าหน้าธิเบตใหญ่เพราะมีพระกริ่งปวเรศอีกพิมพ์พระพักตร์เล็กกว่านี้เป็นพระกริ่งปวเรศยุคต้นก่อนกรมพระยาปวเรศวริยาลงกรณ์แต่ก็มีการสร้างพระกริ่งพิมพ์นี้ขึ้นอีกหลายวาระ พระกริ่งปวเรศหน้าธิเบตใหญ่มี 2 แบบคือพระกรรณชิดแนบติดพระปราง และอีกแบบพระกรรณห่างไม่แนบชิดพระปราง ซึ่งพระกริ่งปวเรศพิมพ์นี้องค์พระมีความเสียหายอยู่ไม่น้อยที่พระกรรณแหว่งหายไปข้างหนึ่งบ้าง แหว่งหายไป 2 ข้างบ้าง แต่ไม่มีการนำไปหลอมสร้างใหม่ ยังเป็นองค์พระที่สมบูรณ์อยู่เว้นแต่พระกรรณที่ท่านเก็บเอาไว้คงมีปริศนาธรรมอะไรซ่อนอยู่ก็เป็นได้ พระกริ่งปวเรศชุดนี้ยังมีการจารอักขระไว้อีกด้วย แม้พระกริ่งปวเรศชุดนี้จะไม่สวยงามเต็มร้อยแต่พลังพุทธานุภาพไม่ธรรมดามีจารอักขระเพิ่มเป็นพิเศษกว่าพระกริ่งปวเรศที่ไม่ได้จารอักขระ รูปลักษณ์ภายนอกไม่ใช่สิ่งที่จะมาวัดจิตใจที่อยู่ภายในได้ว่าดีหรือเลวอย่างไร เช่นกันพระกริ่งที่หล่อขึ้นมาด้วยความตั้งใจดีการอธิษฐานจิตปลุกเสกเต็มพลังย่อมมีคุณค่าในตัวมากกว่ารูปลักษณ์ภายนอก(ไม่ยึดติดรูปที่ไม่เที่ยง วัฎสงสารการเวียนว่ายตายเกิดนับชาติไม่ถ้วนส่วนใหญ่มาติดรูปเป็นอันดับแรก และ รส กลิ่น เสียง สัมผัส ธรรมารมณ์ ตามลำดับ) พระกริ่งปวเรศที่เห็นสวยงามในเวลานี้มีพระกริ่งโรงงานเป็นจำนวนมาก อย่าได้ดูแต่ความสวยงามดูความเก่าของเนื้อโลหะด้วยครับ พระกริ่งปวเรศ เนื้อกะหลั่ยเงิน ก้นครกบดยา สร้างในสมัยรัชกาลที่ 4 พิมพ์ทรงได้ต้นแบบมาจากกริ่งประเทศจีนที่ในขณะนั้นสยามประเทศและเมืองจีนยังมีสัมพันธไมตรีที่ดีต่อกันและได้มีการส่งบรรณาการ(จิ้มก้อง)เพื่อเจริญราชไมตรี ชาวจีนได้เข้ามาค้าขายกับสยามประเทศนานแล้วตั้งแต่สมัยกรุงสุโขทัย และมาสิ้นสุดลงในสมัยรัชกาลที่ 4 แต่คนจีนที่มาตั้งรกรากในบ้านเมืองสยามที่รักประเทศสยามและยังคงค้าขายเจริญรุ่งเรืองมากมาย โดยเฉพาะชาวจีนเยาวราชที่ศรัทธาในองค์หลวงปู่โตได้ช่วยกดพิมพ์สร้างพระสมเด็จที่หลังพระมีอักษรจีนเป็นเอกลักษณ์ของแต่ละกลุ่มที่สร้าง ของกลุ่มราชนิกุลก็มีการปั้มลายเซ็นด้านหลังองค์พระเช่นกัน และมีเอกลักษณ์อีกหลายอย่างที่ยังไม่ได้ถูกเปิดเผยเพราะพระอยู่ในครอบครองของบุคคลชั้นผู้ใหญ่ที่ยังไม่มีออกมาให้เห็นในขณะนี้ การสร้างพระกริ่งในเบื้องต้นก็ได้ต้นแบบจากชาวจีนที่มาค้าขายเมืองสยามที่นำพระกริ่งจีนติดตัวมาเพื่อเป็นที่ยึดเหนี่ยวจิตใจ ช่างทองชาวจีนก็ได้บอกส่วนผสมหลักในการสร้างพระกริ่งและช่วยแกะแม่พิมพ์ให้ด้วยพร้อมกับช่างหลวง พระกริ่งองค์ที่เห็นเป็นต้นแบบของพระกริ่งหน้าธิเบตอีกด้วยคือพระกริ่งหน้าธิเบตพระพักตร์จะดูเล็กกว่า พระกริ่งที่สมเด็จพุฒาจารย์โตพรหมรังสีร่วมปลุกเสกกับกรมพระยาปวเรศวริยาลงกรณ์และคณาจารย์อีกหลายท่าน จะมีตอกโค๊ตงาใหญ่กว่าพระกริ่งปวเรศรุ่นต่อมา พระกริ่งปวเรศยุคต้นจะมีก้นที่ลึกมาก(ก้นครกบดยา)ในการสร้างวาระต่อมาจะเป็นก้นถ้วยหรือปะก้น ซึ่งการสร้างจะง่ายกว่าการสร้างแบบก้นลึก พระกริ่งปวเรศบางวาระจะมีโค๊ตของผู้สร้างอย่างเช่นราชนิกุลและเจ้านายชั้นผู้ใหญ่ จะเป็นการสร้างเฉพาะตระกูล ซึ่งจะไม่ค่อยมีให้เห็น นอกจากมีการมอบให้กับคนสนิทและต่อมาภายหลังลูกหลานไม่ทราบที่มาที่ไปก็นำออกมาปล่อยให้ผู้อื่นเช่าบูชาต่อไป พระทุกองค์จะอยู่กับเจ้าของแรกในช่วงอายุของเขาหรือช่วงระยะเวลาหนึ่งก็จะเปลี่ยนมือไปอยู่กับคนที่เหมาะสมต่อไป บางคนบอกว่าพระเลือกคน พระบางองค์กลับไปอยู่กับเจ้าของเดิม(เจ้าของในอดีตชาติที่เคยเก็บรักษาไว้และหรือคนที่เคยมีส่วนร่วมในการสร้างพระชุดนั้นๆ) พระกริ่งปวเรศหลังมีจารชุดนี้ข้าพเจ้าขอเรียก"พระกริ่งปวเรศรุ่นเศรษฐี" เนื่องจากหลังองค์พระแนวเดียวกับบัวคว่ำบัวหงายมีจารคำว่า "นะชาลีติ" ที่เป็น หัวใจพระสีวลี ชาวพุทธส่วนใหญ่จะรู้ประวัติของท่านเป็นอย่างดีคงไม่ต้องอธิบาย ส่วนด้านหลังพระทั้งหมด จะมีคำว่า "นะมะอะอุ" ที่หมายถึง ดวงแก้ววิเศษ 4 ประการ -นะ สร้างเสริมหนุนธาตุน้ำ คือแก้วมณีโชติรส ( เด่นทางเสน่ห์และเมตตา แก้วสารพัดนึกมีกายสิทธิ์ ) -มะ สร้างเสริมหนุนธาตุดิน คือแก้วไพฑูรย์ ( เด่นทางอิทธิฤทธิ์ปาฎิหาริย์ คงกระพันชาตรี ช่วยหนุนความคิด-พูด เช่น พระ เครื่องราง ของขลัง) -อะ สร้างเสริมหนุนธาตุไฟ คือแก้ววิเชียร ( เพชร ทำให้จิตใจหนักแน่นมั่นคง ป้องกันภัยทั้งปวง ใช้ทำลายสิ่งชั่วร้ายและหลอมรวมวัตถุ) -อุ สร้างเสริมหนุนธาตุลม คือแก้วปัทมราชมหาราชา (โชค ลาภ วาสนา ค้าขาย หน้าที่การงาน) บางอาจารย์ก็จะให้ความหมายอีกแบบว่า "นะ" หมายถึง พ่อ "มะ" หมายถึง แม่ "อะ" หมายถึง พระรัตนตรัย (พระพุทธ-พระธรรม-พระสงฆ์) "อุ " หมายถึง พระอุปฌาย์-ครูบาอาจารย์ พระกริ่งปวเรศที่ด้านหลังจารอักขระ ยันต์ ส่วนใหญ่จะจารคำว่า"นะ ชา ลี ติ" มีพระกริ่งปวเรศพิมพ์หน้าธิเบตใหญ่ ที่จาร "นะ มะ อะ อุ" เพียงพิมพ์เดียวเท่าที่เห็นมา พระกริ่งปวเรศชุดนี้จะมีพลังพุทธานุภาพสูงกว่าพระกริ่งปวเรศเนื้อนวกลับดำ พระแท้มีพลัง ถ้าจะนำพระเครื่องสักองค์อาราธนาขึ้นคอ ท่านรู้หรือไม่ว่าพระเครื่ององค์นั้นมีพลังพุทธานุภาพมากน้อยเท่าใด มีใครบอกท่านใด ถึงแม้จะมีคนบอกท่านเชื่อเขาได้แค่ไหน แต่ถ้าท่านสัมผัสกับพลังพระเครื่องด้วยตัวเอง ท่านว่าจะดีกว่าไปเชื่อคนอื่นหรือไม่ ถ้าท่านสนใจบูชาก็โทรมาคุยรายละเอียดกันได้คับ https://www.facebook.com/PhraSomdejWatRakhanggenuine 092 339 5410,080 629 2955

วันอังคารที่ 9 พฤศจิกายน พ.ศ. 2564

พระกริ่งปวเรศEP16พิมพ์อวโลกิเตศวร พระโพธิสัตว์กวนอิม


พระกริ่งปวเรศ พิมพ์อวโลกิเตศวรสร้างปี พ.ศ.๒๓๘๐ สมัยรัชกาลที่๓ ตอกโค๊ตหยดน้ำ ๔ โค๊ต โค๊ตจะเล็กกว่าโค๊ตหยดน้ำเล็กน้อย พระกริ่งปวเรศพระพักตร์แบบจีน พระพักตร์ที่สมบูรณ์แบบคือพระพักตร์แบบไม่มีเพศ คือบุรุษก็ไม่ใช่สตรีก็ไม่ใช่ มีความสมบูรณ์ด้วยพุทธลักษณะที่เปี่ยมด้วยพระเมตตาบารมี การจะสร้างพระสักองค์หนึ่งให้สมบูรณ์แบบนั้นพระพักตร์เป็นส่วนที่สร้างได้ยากที่สุด เพราะพระพักตร์ของพระพุทธนั้นดูแล้วให้รู้สึกสงบสุขฯมองแล้วไม่เกิดความกำหนัดยินดีใดๆมีแต่ความเคารพศรัทธาอย่างจริงใจ เพื่อไม่ให้บางคนที่มีจิตวิปริตคิดอกุศลคิดอยากได้ปฎิสัมพันธ์กับองค์ท่าน ซึ่งเรื่องแบบนี้เคยเกิดมีขึ้นแล้วในสมัยพุทธกาล แม้แต่ของจีนก็มี ซึ่งในสมัยพุทธกาลที่มีหญิงชาวบ้านยินดีในรูปลักษณะของพระชินนะวันหนึ่ง ขณะที่ท่านชินนะได้ออกบิณฑบาตโปรดสัตว์ ได้มีหญิงผู้หนึ่งซึ่งแอบหลงรักท่านชินนะ มิอาจยับยั้งใจเอาไว้ได้จึงได้โผผวาเข้ากอดท่านชินนะอย่างลืมตัว ท่านชินนะ เห็นอาการของผู้หญิงคนนั้นกระทำแก่ท่านดังนี้ก็บังเกิดความสังเวชอย่างใหญ่ หลวง อันพรหมจรรย์ของท่านต้องมาแปดเปื้อนเสียดังนี้ ความยึดมั่นในพรหมจรรย์ของท่านต้องมาสะบั้นลง ท่านจึงดำริขึ้นว่า "ตัวท่านนี้มีรูปงามเช่นนี้ย่อมก่อให้เกิดอกุศลกรรมแก่อิตถีเพศ เป็นการสร้างบาปให้เกิดขึ้นด้วยมีกายรูปนี้เป็นเหตุ จะมีสักเท่าใดกันหนอที่ปรารถนาล่วงพรหมจรรย์ของท่านเช่นผู้หญิงคนนี้.."ท่านชินนะ คิดดังนี้ เห็นกายเป็นเหตุ กายทำให้พรหมจรรย์จิตเสื่อมสลาย กายก่ออกุศลจิตให้เกิดเป็นบาปกับอิตถีเพศผู้ยังมัวเมาในรูป ท่านจึงถอดกายทิพย์ออกจากร่าง ทิ้งสังขารไว้เมื่อยังไม่ถึงกาล เมื่ออายุท่านเพียง 23 ปี 6 เดือน กายทิพย์ของท่านจึงไปได้แค่ชั้นพรหมโลก(ท้าวมหาพรหมชินนะปัญชะระ) เรื่องจีนกษัตริย์องค์หนึ่งติดใจความสวยของรูปปั้นขององค์หนี่วาหรือเจ้าแม่หนี่วา เทพมารดาของชาวจีนจนเกิดสงครามระหว่างเทพ ทำให้มีเรื่องก่อกำเนิด เทพนาจา เทพเอ้อหลาง (เทพ 3 ตา) ท้าวจตุโลกบาลทั้ง 4 จีน เทพหลี่เจ๊ง หลี่เทียนอ๋องถือเจดีย์ทอง(บิดาของนาจา)ฯลฯโดยทั่วไปพระอวโลกิเตศวรจะมีรูปพระพุทธเจ้าอยู่ตรงกลางเหนือหน้าผาก แต่พระกริ่งองค์นี้ไม่มี ศาสนาพุทธแบบจีน แนวคิดของพระอวโลกิเตศวรได้พัฒนาเป็นเทพเจ้าสตรี พระแม่กวนอิม ส่วนเหตุผลของความเปลี่ยนแปลงจากบุคลิกลักษณะของพระอวโลกิเตศวร(พระโพธิสัตว์กวนอิม)ที่เดิมเป็น เพศชาย จนแปรเปลี่ยนเป็นเพศหญิงนั้น นักประติมานวิทยา สันนิษฐานว่า น่าจะมาจากเหตุผล 2 ประการ ประการแรก นั้นคือ พระโพธิสัตว์กวนอิมเป็นผู้ทรงโปรดสัตว์โลก ผู้ตกทุกข์ได้ยาก และในสมัยโบราณนั้น ผู้หญิงมักได้รับการกดขี่ข่มเหงและทุกข์ทรมานมากกว่าเพศชาย จึงเกิดภาพลักษณ์ในด้านที่เป็นเพศหญิง เพื่อช่วยเหลือสตรีให้หลุดพ้นจากบ่วงกรรมประการที่สอง นั้นคือ ผู้หญิงเป็นเพศที่มีความอ่อนโยนและมีจิตใจที่ดีงามกว่าเพศชาย โดยเฉพาะความรักของผู้เป็นมารดา อันเป็นสัญลักษณ์ของความเมตตาการุณย์ต่อบุตร ดังนั้น จึงเชื่อกันว่า นี้คือเหตุเปลี่ยนแปลงของภาพแห่งลักษณะพระโพธิสัตว์กวนอิมที่แปรเปลี่ยนรูปลักษณ์เป็นเพศหญิงในที่สุด ศาสนาพุทธ พระพุทธเจ้า พระโพธิสัตว์ ล้วนเป็นบุรุษเพศ ในเรื่องพระเจ้า 500 ชาติพระโพธิสัตว์เป็นบุรุษเพศ แม้แต่พระโพธิสัตว์ที่เสวยชาติเป็นสัตว์เดรัจฉานก็เป็นสัตว์เพศผู้เป็นจ่าฝูง หลวงปู่โตได้สร้างพระเครื่องที่มีองค์พระโพธิสัตว์กวนอิมไว้หลายพิมพ์ https://www.facebook.com/PhraSomdejWatRakhanggenuine

พระกริ่งปวเรศEP15ชุดจักรพรรดิ์พระกริ่งปลุกเสก 30พรรษาพลังพุทธานุภาพสูงกว...


พระกริ่งปวเรศชุดพิเศษชุดจักรพรรดิ์ของพระกริ่งที่อธิษฐานจิตปลุกเสก ๓๐ พรรษา สร้างในปี พ.ศ.๒๓๘๐ ในสมัยรัชกาลที่ ๓ ซึ่งในปีนี้พระวชิรญาณเถระ ได้ขึ้นเป็นเจ้าอาวาสอันดับ 1 ของวัดบวร ในปี พ.ศ.นี้มีพระกริ่งสร้างไว้หลายสิบพิมพ์ การสร้างพระกริ่งในวาระนี้ยังไม่มีการนำเอาบันทึกมาเปิดเผย ซึ่งอาจจะไม่มีการจดบันทึกหรือบันทึกนั้นสูญหายไปแล้ว แต่สิ่งสำคัญคือพยานวัตถุหรือวัตถุพยานที่เป็นองค์พระกริ่งปวเรศหลายสิบพิมพ์ ซึ่งมีพระกริ่งปวเรศชุดพิเศษที่มีจารอักขระและปี พ.ศ.ไว้ด้วย โดยจารพ.ศ.บัวหลังด้านซ้ายที่เป็นปีที่สร้างพระกริ่งปวเรศและบัวหลังด้านขวาจารปี พ.ศ.สุดท้ายของการปลุกเสก ส่วนเรื่องการ พ.ศ.ก็มีบอกไว้แล้วในEPต้นๆ ศาสนาจักรกับอาณาจักรแยกจากกัน เข้าไปค้นหาข้อมูลกันเองได้เลย พระกริ่งปวเรศยุคต้นจะสร้างเป็นเนื้อสัมฤทธิ์ที่ได้แบบอย่างมาจากเมืองจีน พระกริ่งจีนใหญ่ พระกริ่งจีนนอกที่เป็นเนื้อทองดอกบวบสนิมโลหะสีเปลือกมันเทศ และการหล่อพระบูชาสมัยก่อนก็จะเป็นพระเนื้อสัมฤทธิ์ ถ้าจะบอกว่าพระกริ่งปวเรศยุคต้นสร้างเป็นเนื้อสัมฤทธิ์ ไม่ใช่เนื้อนวกลับดำที่มาสร้างภายหลังเป็นไปได้หรือไม่ พระกริ่งปวเรศชุดนี้บางชุดโลหะขึ้นเม็ดผด สนิมโลหะเป็นผงละเอียดสีน้ำตาลเข้ม พระกริ่งปวเรศชุดนี้มีอยู่พิมพ์หนึ่งที่เรียกว่าพิมพ์สมบูรณ์พูนสุขที่พระพักตร์จะเอียงขวาเล็กน้อยแบบเดียวกับพระรอดมหาวันที่ตาจะมองต่ำเล็กน้อยและพระพักตร์จะเอียงขวาเล็กน้อยเช่นกันและพระสมเด็จวัดระฆังพิมพ์นิยมพระพักตร์ก็จะเอียงขวาเล็กน้อย น่าคิดและพิจารณามาก ทำไมพระพักตร์ต้องเอียงขวาเล็กน้อยตามแบบโบราณดูดีมีศิลปที่สวยงามกว่าพระพักตร์ตรง และพระกริ่งปวเรศองค์ที่ปลุกเสก ๓๐ พรรษาพลังพุทธานุภาพจะแรงมากๆ คนที่สัมผัสพลังพระโดยตรงจะสัมผัสได้แป๊บเดียวต้องวางแล้ว เพราะไม่สามารถรับกระแสพลังที่แรงมหาศาลได้ ต่างจากพระกริ่งปวเรศเนื้อนวกลับดำที่สัมผัสพลังได้โดยไม่ต้องรีบวางพระ คนที่สัมผัสพลังพระโดยตรงจะเข้าใจ แต่ถ้าจะใช้วิธีวัดคืบหรือใช้ลูกดิ่งจะไม่รู้ได้เลยว่าพลังพระที่แรงๆนั้นเป็นอย่างไร และสำหรับท่านที่สนใจจะบูชาพระกริ่งปวเรศองค์ใดองค์ ๑ ของชุดนี้ก็โทรมาคุยตกลงเงื่อนไขกับผมเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ท่านหารูปพระกริ่งปวเรศของเซียนพระองค์ไหนก็ได้นำมาวางประกบกับพระกริ่งปวเรศชุดนี้แล้วส่งมาที่ไลน์ของผม แล้วอธิษฐานจิตตามผมถ้าพระกริ่งปวเรศองค์นี้ถูกโฉลกกับท่านๆอาจสามารถรับรู้ถึงกระแสพลังของพระกริ่งได้และรู้ด้วยว่าพระกริ่งปวเรศองค์ไหนมีพลังแรงกว่ากัน แต่ถ้าท่านรับรู้ถึงกระแสพลังของพระกริ่งปวเรศของผมท่านจะรับพลังได้ไม่นานต้องปล่อยวางทันทีไปคุยเรื่องอื่นไม่เกี่ยวกับพลังพระ มิฉะนั้นอาจเป็นอันตรายกับท่าน มีอยู่คน ๑ ปวดหัวข้ามวัน อีกคนต้องรีบคืนพระให้ผมทันทีไม่กล้าถือพระไว้กับตัว แม้คืนพระแล้วเขายังรู้สึกว่าพลังยังกระทบเขาอยู่ ผมต้องรีบเปลี่ยนเรื่องคุยทันที พลังพระที่ท่านสัมผัสด้วยตัวท่านเองไม่ใช่มีใครมาบอก ท่านว่าจะดีหรือไม่ พระแท้ก็ต้องมีพลังถ้าพลังแรงๆท่านจะชอบหรือไม่ การสัมผัสพลังพระโดยให้ท่านเป็นผู้สัมผัสพลังเองโดยทำตามที่ผมบอก การสัมผัสที่ไม่จำเป็นต้องจับองค์พระไว้ในมือ มีเพียงรูปพระก็สัมผัสได้ ท่านว่าแปลกน่าเชื่อถือหรือไม่ และถ้าท่านสัมผัสได้ท่านคิดว่ายังไงฯ https://www.facebook.com/PhraSomdejWatRakhanggenuine 092 339 5410 ,080 629 2955

วันอาทิตย์ที่ 7 พฤศจิกายน พ.ศ. 2564

พระกริ่งปวเรศEP14(พิมพ์สายหน้าจีน)


พระกริ่งปวเรศ พิมพ์สายหน้าจีนจีวรลายดอกพิกุลชุดนี้สร้างปี พ.ศ.๒๓๗๕ สมัยรัชกาลที่ ๓ พ่อค้าคนจีนที่เข้ามาค้าขายในกรุงสยามได้นำพระกริ่งจีนใหญ่ พระกริ่งจีนนอก เข้ามาตั้งแต่สมัยสุโขทัย เนื้อพระเป็นโลหะผสมสัมฤทธิ์ สีออกเหลือง แดง แบบ ทองม้าฬ่อ พ่อค้าชาวจีนนิยมนำติดตัว เพื่อคุ้มครองป้องกันภัย เพราะ พระกริ่ง คือ รูปจำลอง องค์พระไภษัชยคุรุพุทธเจ้า ๑ ใน ๓ พระพุทธเจ้า ที่เคารพสูงสุดของชาวพุทธลัทธิมหายานเชื่อว่ามีอานุภาพศักดิ์สิทธิ์ เพื่อเป็นสิ่งป้องกันตัวเองโดยเฉพาะเรื่องโรคภัยไข้เจ็บ ที่คนจีนศรัทธาเป็นอย่างมากที่นำพระกริ่งมาทำน้ำมนต์ดื่มกินรักษาโรค ซึ่งเป็นแบบอย่างในการสร้างพระกริ่งแห่งสยาม พระกริ่งต้นแบบของสยามน่าจะเป็นเนื้อสัมฤทธิ์ไม่ใช่เนื้อนวโลหะอย่างที่หลายคนคิดหรือทำให้คิดว่าเป็นแบบนั้น การสร้างพระกริ่งเนื้อโลหะครั้งแรกๆก็ต้องมีคนแนะนำก็คงต้องเป็นช่างทองชาวจีน ซึ่งก็ได้ความรู้ที่ตกทอดกันมารุ่นสู่รุ่น พระกริ่งจีนนอกเป็นเนื้อทองดอกบวบและพระกริ่งปวเรศยุคต้นๆบางชุดสีผิวแบบเนื้อทองดอกบวบที่ผิวพระเป็นสีน้ำตาลเปลือกมันเทศแต่ด้วยอายุของการสร้างที่ต่างกันหลายร้อยปี พระกริ่งปวเรศเนื้อทองดอกบวบจะให้เหมือนพระกริ่งจีนนอกคงไม่ได้ แต่พอสังเกตุให้รู้ การแกะบล็อกพระกริ่งพิมพ์นี้จึงมีเค้าใบหน้าไปทางคนจีน และองค์พระกริ่งที่สร้างเสร็จแล้วจะมีการตกแต่งองค์พระน้อยมาก ต่างจากพระกริ่งปวเรศเนื้อนวกลับดำที่มีช่างตกแต่งพระกริ่ง 2 คน ทำให้พระกริ่งปวเรศแต่ละองค์ไม่เหมือนกัน เคยได้ยินเซียนพระคนหนึ่งบอกว่าพระกริ่งปวเรศต้องหาองค์ที่มีปากแบบปลากัดหรือปากจู๋ เขาว่ามาอย่งนั้น บางทีก็ไปดูการตกแต่งองค์พระ เศรษฐีท่านใดที่ได้ครอบครองพระกริ่งปวเรศล้วนบอกว่าของตัวเองเป็นของแท้ทั้งนั้น ผมก็ขอพูดบ้างว่าพระกริ่งปวเรศที่ท่านครอบครองอยู่นั้นพลังพุทธานุภาพยังไม่สูงเท่ากับพระกริ่งปวเรศชุดนี้เลย ระดับท่านคงหาคนที่สามารถสัมผัสพลังพระได้ไม่ยาก ให้คนสัมผัสพลังพระของท่านและพลังพระกริ่งปวเรศชุดนี้ดูก็จะรู้ว่าพระกริ่งปวเรศองค์ไหนมีพลังที่สูงกว่ากัน คนที่สัมผัสพลังพระที่ไม่จำเป็นต้องจับองค์พระแค่มองที่รูปพระก็สัมผัสพลังได้ต้องแบบนี้ แอบมาส่องพระกริ่งปวเรศชุดนี้หรือชุดอื่นๆที่ผมโพสนำเสนอโดยเฉพาะพระกริ่งปวเรศที่อธิษฐานจิต 30 พรรษาขึ้นไป แล้วคนที่สัมผัสพลังคนนั้นจะบอกกับท่านเองว่าพระกริ่งปวเรศชุดนี้ถึงจะเป็นจักรพรรดิ์ของพระกริ่งไม่ใช่ของท่าน ความจริงพิสูจน์ได้ครับ https://www.facebook.com/PhraSomdejWatRakhanggenuine 092 339 5410,080 629 2955

พระกริ่งปวเรศEP13(ป้ายหยก12นักษัตร)


หลายคนอาจสงสัยว่า EP นี้ผมมาแปลกเอาอะไรมาให้ชม ป้ายหยก12นักษัตรมีความเกี่ยวอะไรกับพระกริ่งปวเรศหรือกรมพระยาปวเรศวริยาลงกรณ์ ฟังข้อมูลให้จบหรืออ่านข้อมูลให้จบด้วยครับ เนื้อหยกจะเป็นผลึกเนื้อหยาบมีอายุ100 ล้านกว่าปีขึ้นไป ป้ายหยก 12 นักษัตรตามรูปอยู่ที่เมืองจีนประมาณ 900 ปีแล้วมาอยู่เมืองไทยได้ประมาณ 200 ปี คนจีนนำป้ายหยก 12 นักษัตร เหรียญพระโพธิสัตว์กวนอิมพันมือพันกรเข้ามาเมืองสยามเพราะมีความเชื่อมาแต่โบราณว่านำป้ายหยกมาไว้ที่บ้านเพื่อปรับฮวงจุ้ยเสริมสิริมงคลและป้องกันสิ่งชั่วร้ายต่างๆ ป้ายหยก 12 นักษัตรยังช่วยแก้ปีชงตามความเชื่อของจีนอีกด้วย ด้งจะเห็นในซีรี่ย์หนังจีนที่นำป้ายหยกไว้ด้านหลังดต๊ะทำงานห้องประชุมใหญ่เพื่อป้องกันสิ่งชั่วร้าย พลังงานรบมากระทบกับคนในบ้าน มีคนจีนนำป้ายหยกมาให้หลวงปู่โตปลุกเสกบ้าง กรมพระยาปวเรศววริยาลงกรณ์บ้าง ท่านพิจารณาเห็นว่า หยก มีความเป็นสิริมงคลด้วยเนื้อหยกเองมีแกะลาย 12 นักษัตรคล้ายกับเมืองไทยในวิชาโหราศาสตร์ความเชื่อที่เหมือนกัน การแก้ปีชงของจีน การแก้ปีชงของไทยตามหลักโหราศาตร์ พระศุกร์เข้าพระเสาร์แทรกดวงใครราศีใครจะทำให้ชีวิตตกต่ำกว่าที่เป็นอยู่ จะต้องแก้ไขกับชีวิตอย่างไร ความเชื่อแบบนี้มีอยู่ในสังคมบ้านเราที่ยังคงต้องดำเนินชีวิตต่อไปอีกนานเท่านาน หลวงปู่โตท่านไม่ปฏิเสธความเชื่อแบบนี้ การแก้ปีชงแบบจีนการแก้ดวงตกแบบไทย แนวทางพุทธศาสนาไม่ว่าปีไหนเดือนไหนวันอะไรดีทุกวันถ้าเราไม่อยู่ในความประมาทอยู่อย่างพอเพียง ชีวิตก็ไม่ลำบาก ไม่หลงกิเลสที่มายั่วยุอยู่ตลอดเวลา การแก้ปีชง ฤกษ์ไม่ดี แบบของหลวงปู่โตคือ "พุทธังสรณังคัจฉามิ ธังมังสรณังคัจฉามิ สังฆังสรณังคัจฉามิ " ข้าพเจ้าขอถือเอาพระพุทธเจ้าเป็นที่พึ่งที่ระลึก ข้าพเจ้าขอถือเอาพระธรรมเป็นที่พึ่งที่ระลึก ข้าพเจ้าขอถือเอาพระสงฆ์เป็นที่พึ่งที่ระลึก แบบพุทธเขาทำอย่างนี้ ป้ายหยก 12 นักษัตร เส้นผ้าศูนย์กลาง11.5 นิ้ว มี อาจารย์ท่านหนึ่งสัมผัมได้ว่าพบญาณพระพุทธเจ้า สมเด็จพระสังฆราชองค์ที่ 5 และ 8 กรมพระยาปวเรศฯ ไม่พบญาณหลวงปู่โต ปลุกเสก 30 พรรษา ปรัชญาและวัฒนธรรมแฝงแนวคิดกับ 12 ราศี ล้วนมีที่มาและความหมาย มีบอกไว้ในคลิป vdo แล้ว หยก เป็น อัญมณีที่ชาวจีนยกย่องว่าเป็นสัญลักษณ์แห่งคุณธรรม 5 ประการ คือ ใจบุญ สมถะ กล้าหาญ ยุติธรรม และมีสติปัญญา ชาวจีนมีความผูกพันกับหยกตั้งแต่เกิดจนตายก็ว่าได้ เพราะชาวจีนเชื่อว่าหยกเป็นอัญมณีศักดิ์สิทธิ์ที่นำมาซึ่งสิริมงคล ความเจริญรุ่งเรือง ความร่ำรวย ความมีโชคแก่ผู้ครอบครองและทำให้อายุยืน ป้องกันสิ่งอัปมงคล ภูติผีปีศาจ ชาวจีนได้นำ หยก มาใช้เกี่ยวข้องกับชีวิตประจำวัน ตั้งแต่เกิดจนกระทั่งตายไป โดยมีความเชื่อมาแต่โบราณ ว่าหยกนั้นเป็นสัญลักษณ์ที่ก่อให้เกิดความเป็นสิริมงคล ความเจริญรุ่งเรือง ความมีโชคลาภแก่ผู้ได้ครอบครอง และทำให้อายุยืนยาว และชาวจีนยังเชื่อกันอีกว่าหยกมีอำนาจคุ้มครองมีพลังลึกลับ สามารถปกป้องคุ้มครองผู้สวมใส่ จากสิ่งชั่วร้ายได้ เป็นเครื่องรางบอกเหตุได้ว่าผู้สวมใส่กำลังมีโชคหรือมีเคราะห์อย่างไร สังเกตได้จากสีของหยก หากหยกมีสีสันสดใส นั่นก็หมายความว่า เจ้าของหยกกำลังจะมีโชค แต่ถ้าหากหยกมีสีหมองลงหรือมองเห็นรอยแตกร้าวชัดขึ้นก็แปลว่า เจ้าของหยกกำลังจะมีเคราะห์มาเยือน หยกที่ชาวจีนใช้เป็นเครื่องรางมักจะแกะสลักเป็นรูปสัตว์ต่าง ๆ เช่น ปลา เต่า จิ้งหรีด หน้าเสือ ปี่เซียะ กบ ช้าง ฯลฯโดยนิยมให้ลูกหลานของตนเอง พกหยกติดตัวตลอดเวลา ถ้าเป็นเด็กผู้หญิง จะให้สวมกำไลหยก ปิ่นหยก และจี้หยก เป็นต้น แต่ถ้าเป็นเด็กผู้ชายจะให้พกเครื่องใช้ที่ทำด้วยหยก เรามักจะเห็นคนจีนสูงอายุ ใส่กำไรหยกแล้วไม่ถอดเลย หยกเนื้อแก้วเขียวใสมรกต ซื้อขายกันเป็นเม็ดๆ ขนาดเท่าหัวนิ้วโป้งมือ ราคาไม่ต่ำกว่า 1 - 5 ล้านบาทขึ้นไป หยกเขียวใสมรกต นี้ ญี่ปุ่นซื้อราคาสูงสุด และตลาดมีความต้องการมากที่สุด https://www.facebook.com/PhraSomdejWatRakhanggenuine 092 339 5410,080 629 2955

วันเสาร์ที่ 6 พฤศจิกายน พ.ศ. 2564

พระกริ่งปวเรศEP12(พิมพ์วิมุติตอกลายดอกพิกุล)


พระกริ่งปวเรศพิมพ์วิมุติตอกลายดอกพิกุลองค์นี้อธิษฐานจิตโดยกรมพระยาปวเรศวริยาลงกรณ์ การตอกลายดอกพิกุลฝีมือชั้นครูลายดอกเล็ก ตอกลายเป็นระเบียบสวยงามโดยเฉพาะจรงซอกลึกอย่างเช่นในซอกกัจฉะ(รักแร้)ที่ตอกลายได้ยากและต้องเป็นระเบียบสวยงามไม่มีการตอกทับซ้อน ซึ่งมีพระกริ่งปวเรศที่ตอกลายดอกพิกุลลายองค์แต่จุดสำคัญอยู่ตรงซอกรักแร้ บางองค์เบลอไม่คมชัด สังเกตุตรงหัวเข่าด้านซ้ายองค์พระตอกลายเป็นธรรมชาติคือตรงหัวเข่าจะมีลายดอกพิกุลถึง 3 แถวและก็ลดลงไปทางปลายเท้า เปรียบเทียบกับพระกริ่งปวเรศอีกองค์ที่ตอกลายดอกจันทร์หรือทานตะวันที่จะมีเส้นรอบวงเป็นวงกลม ตรงหัวเข่าด้านซ้ายตอกลายแถวเดียว หน้าแข้งด้านขวาองค์พระการตอกลายที่มีความละเอียดต่างกัน พระศกตอกลายก้นหอย 4 วงดูการจัดวางตำแหน่งที่ตอกเป็นชั้นสวยงาม ไม่ใช่ตอกเป็นวงกลม 4 วง ไปหาดูพระกริ่งปวเรศที่ตอกลายดอกพิกุลจะมีองค์ไหนสวยกว่าองค์นี้ไปได้ ดูการตอกลายตรงซอกรักแร้ หัวเข่า หน้าแข้งให้ดี เฉพาะพระกริ่งปวเรศองค์ที่ตอกลายดอกจันทร์หรือทานตะวันก็สวยกว่าพระกริ่งปวเรศที่เขานำมาเปิดราคาในเว็บต่างๆแล้ว เดิมพระกริ่งปวเรศองค์นี้เปียกทองมา พอนำพระกริ่งปวเรศองค์นี้ออกจากถุงพลาสติกมาตั้งไว้ในพานประมาณ 1 อาทิตย์ผิวพระจะเป็นแบบที่เห็นและเป็นแบบนี้มาหลายปีแล้ว ไม่ได้ขัดwenol ปล่อยเป็นธรรมชาติ ที่แปลกคือเมื่อพระกริ่งปวเรศถูกกับอากาศสนิมโลหะเปลี่ยนเป็นสีน้ำตาลทันทีภายในไม่กี่วัน คล้ายนวกลับดำ สนิมโลหะสีน้ำตาลที่เกิดจากโลหะทองแดงคลุมองค์พระเกือบหมด ตามซอกลึกยังพอเห็นเป็นสีทองจางๆ
092 339 5410,080 629 2955