วันเสาร์ที่ 30 พฤษภาคม พ.ศ. 2558

พระสมเด็จวังหน้า พิมพ์โชคลาภ

พระสมเด็จวังหน้า พิมพ์โพธิบัลลังก์หลังพระสีวลี
            พระสมเด็จพิมพ์โพธิบัลลังก์(อ่าน โพ-ธิ-บัน-ลัง) หลังพระสีวลีมหาลาภ เนื้อผงพุทธคุณ สร้างปี พ.ศ. 2408 พิธีหลวงยิ่งใหญ่ รักเก่าหลุดร่อนหมดพอเห็นคราบน้ำรักเก่าหมดสภาพด้านบนองค์พระ ด้านหลังองค์พระสีวลี และขอบข้าง นั่งบัลลังก์หมายถึงมีอำนาจเป็นใหญ่กว่าคนทั้งปวง ด้านหลังพระสีวลี มีกินมีใช้ไม่มีหมด พุทธคุณสูงกว่าพระสมเด็จพุทธพาณิชย์ทั่วไป เด่นด้าน โชคลาภ วาสนาบารมี พระชุดนี้มีให้เห็นน้อยมาก พระพิมพ์นี้เหมาะแก่นักการเมือง ผู้บริหาร พ่อค้า บุคคลทั่วไปที่มีบารมี

พระสมเด็จวังหน้า พิมพ์แหวกม่านหลังพระสีวลีมหาลาภ



พระสมเด็จวังหน้าพิมพ์ตรัสรู้หลังพระสีวลี




พระสมเด็จวังหน้า พิมพ์แหวกม่านหลังครุฑ

วันศุกร์ที่ 29 พฤษภาคม พ.ศ. 2558

พระสมเด็จวังหน้า หลังพระคาถาชินบัญชร

พระสมเด็จวังหน้า รูปเหมือนหลวงปู่โต
             พระสมเด็จวังหน้า รูปเหมือนหลวงปู่โตบุเงินด้านหน้า ด้านหลังพระคาถาชินบัญชร เนื้อหินรัตนชาติ ซึ่งมีหลายสี ส่วนใหญ่เป็นสีเขียวและถูกปลอมออกมามากที่สุด(พระเนื้อเรซิ่น)ที่มีบอกไว้ในบทความก่อนหน้านี้ เป็นการเข้าใจผิดของหลายๆคนที่ว่าหินรัตนชาติสีเขียวนี้คือเนื้อหยก บางคนก็ว่ามรกต เนื้อหยกนั้นมีจริงสีจะเขียวขุ่นมีสีอื่นแทรกเป็นลายธรรมชาติของหินหยก เนื้อหินรัตนชาติอายุหลายล้านปีมีพลังในตัวส่วนใหญ่มีพลังในการรักษาโรคต่างๆเหมือนกับหินสีที่เขานิยมกันในปัจจุบันนี้ ด้านหลังแกะพระคาถาชินบัญชร ฝีมือช่างวังหน้าที่ กรมหมื่นบวรวิไชยชาญได้รวบรวมช่างฝีมือเอกหลายแขนงเอาไว้ การบุเงินหรือทองต้องมีฝีมือที่ปราณีตมาก ส่วนของเทียมเลียนแบบมักจะทาสีทองหรือเงินที่องค์พระตามที่ต้องการ
          ข้าพเจ้าได้พระองค์นี้มานานแล้ว แต่ไม่ได้สนใจเท่าไหร่เพราะเวลานั้นยังไม่รู้จักว่าพระสมเด็จวังหน้ามีที่มาที่ไปยังไง หลังจากได้ศึกษาเพิ่มเติมถึงได้รู้ว่า พระสมเด็จวังหน้ามีพิธีใหญ่เป็นพิธีหลวงพระแต่ละองค์มีพลังพุทธคุณมากกว่าพระสมเด็จวัดระฆังทั่วไปมากจริงเนื่องจากองค์หลวงปู่โตประธานฝ่ายสงฆ์ได้อัญเชิญพระพุทธเจ้าองค์ปฐม พระพุทธเจ้าหลายพระองค์ พระอรหันต์ที่มีฤทธิ์ต่างกัน อทิสมานกายหลวงปู่โลกอุดร อทิสมานกายหลวงปู่ทวด และอีกมากมาย มาร่วมอธิษฐานจิตด้วย

              องค์พระมีขนาดกว้าง 3.6 ซม. ยาว 5 ซม. 





        พระสมเด็จวังหน้า บุเงินบุทองมีให้เห็นน้อยมาก ส่วนหนึ่งอยู่กับเจ้านายชั้นผู้ใหญ่ ส่วนมากยังอยู่ในกรุหลายสถานที่ ของเทียมเลียนแบบก็มีมากจริง



             ด้านหลังองค์พระ รูปซ้ายมือสภาพเดิม รูปขวามือล้างรักออกให้เห็นเนื้อจริง

ด้านหลังสภาพเดิม

ด้านหลังล้างรักออก

ด้านข้างเห็นสภาพผิวหินรัตนชาติที่มีความเก่า 100 กว่าปี

พระสมเด็จวังหน้าเนื้อผงพุทธคุณ
          พระสมเด็จวังหน้า ด้านหน้ารูปเหมือนหลวงปู่โตนั่งบัวสองชั้น ล้อมรอบด้วยพระคาถาชินบัญชร ด้านหลังพระคาถาชินบัญชร เนื้อผงพุทธคุณ การพัฒนาของเนื้อพระจะไม่เหมือนพระสมเด็จวัดระฆังหรือพระสมเด็จบางขุนพรหม มีปิดทองร่องชาดเพื่อรักษาเนื้อพระ พระองค์นี้มีเหล็กไหลฝังอยู่หลายชนิด พลังดูดกับแม่เหล็กน้อยมากๆ ถ้าพลังดูดติดแรงก็เป็นแม่เหล็กอย่างที่ผ่าพระเนื้อเรซิ่นให้ดูไปแล้ว

พระสมเด็จวังหน้า กว้าง 3.6 ซม. ยาว 5.7 ซม.



          พระคาถาชินบัญชรเนื้อผงตัวหนังสือจะมีความละเอียดคมชัดมากกว่าหินรัตนชาติและแผ่นโลหะปั้ม แต่ตัวหนังสือไม่ใช่ตัวคอมพิวเตอร์จากฟร้อนต่างๆ

พระสมเด็จวังหน้าพิมพ์ปรกพระศรีมหาโพธิ์




          แผ่นพระคาถาชินบัญชรแกะมาจากด้านหลังองค์พระสมเด็จพิมพ์ไกเซอร์ พลังพุทธคุณเทียบเท่ากับพระสมเด็จวัดระฆังทีเดียว คนที่สามารถสัมผัสพลังคุณพระได้นั้นย่อมรู้ได้เอง


วันอังคารที่ 26 พฤษภาคม พ.ศ. 2558

พระสมเด็จวังหน้าแท้-ชุดฝังมุก

พระแก้วมรกต ทรงเครื่องฤดูร้อน
     พระสมเด็จวังหลวง วังหน้าวังหลังโดยรวมข้าพเจ้าจะเรียกวังหน้า เพราะมีบทบาทมาก เริ่มจากเสด็จวังหน้าครั้งยังดำรงพระราชอิสริยยศเป็นพระองค์เจ้ายอดยิ่งยศฯ ได้เริ่มสร้างพระพิมพ์โลกอุดรประมาณปี พ.ศ.2400 บรรจุในเจดีย์วังหน้าเป็นชุดแรก โดยหลวงปู่ใหญ่หรือหลวงปู่เทพโลกอุดรพระอาจารย์ ได้นำมวลสารศักดิ์สิทธิ์จากสถานที่ต่างๆมาให้เสด็จวังหน้าสร้างพระชุดนี้ หลวงปู่ใหญ่ได้อธิษฐานจิตตั้งแต่เที่ยงคืนถึงเที่ยงวัน ในช่วงกลางคืนบริเวณในพิธีมีความสว่างไสวอย่างกับกลางวัน พระวังหน้าได้สร้างมาเรื่อยๆ กระทั่งปี 2411 พระองค์ท่านได้รับสถาปนาเป็นพระอุปราชวังหน้า กรมหมื่นบวรวิไชยชาญ เสด็จวังหน้าได้รวบรวมช่างฝีมือเอกไว้ทุกแขนง เคยเขียนบอกไว้ในรื่องพระสมเด็จเนื้อปูนเพชรสีแดงสบู่เลือด แล้วพระทั้งหมดที่สร้างมีกี่พิมพ์กี่องค์ไม่มีใครรู้ ไปเก็บไว้ที่ไหนบ้างมีทั้งรู้และไม่รู้ และพระสมเด็จที่หลวงปู่โตสร้างไว้อีกจำนวนมาก สร้างเพื่ออะไรมากมาย เพื่อสืบทอดพระพุทธศาสนาอย่างเดียวหรือไม่ ไม่ใช่แน่นอนทั้งองค์หลวงปู่ใหญ่ หลวงปู่โตทราบดีว่าภัยพิบัติครั้งยิ่งใหญ่จะเกิดขึ้นกับประเทศไทยแน่นอนไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ แม้ประเทศอื่นก็มี ชาวจีนที่เขาถือศีลกินเจและนั่งสมาธิเขาก็มีเห็นและบอกต่อๆกันมาในแวดวงของเขา ชาวจีนจำนวนหนึ่งในอดีตชาติก็เคยเกิดป็นลูกหลานหลวงปู่โตก็มี คนเราเกิดมานับชาติไม่ถ้วนย่อมมีญาติอยู่มากมายนับไม่ถ้วน (พราหมณ์ 2 ผัวเมียก็บอกว่าเคยเป็นบิดาของพระพุทธเจ้าในอดีตชาติก็มี พระพุทธองค์ก็ยอมรับและให้บวช ที่สุดสำเร็จอรหันต์ทั้ง 2 คน,พระเทวทัตก็เคยเกิดเป็นบิดาของพระพุทธเจ้ามาหลายชาติเช่นกัน ถ้าในสมัยนั้นก็คงต้องเรียกว่าพระโพธิสัตว์) เรื่องนี้เป็นสาเหตุให้ชาวจีนทั้งฮ่องกงไต้หวัน สิงคโปร์ฯ มาเช่าบูชาพระสมเด็จและพระกรุไปบูชาเพื่อป้องกันตัว บางคนก็เช่าหาตามผู้อื่นตามกระแสก็มีมาก ภัยพิบัติที่จะเกิดขึ้นครั้งนี้ยิ่งใหญ่มากและก็อั้นมานานแล้วจากแรงอธิษฐานของผู้ปฏิบัติธรรมหลายหมู่คณะ กรรมที่ยังไงก็หลีกเลี่ยงไม่ได้
        เมื่อพระวังหน้า พระสมเด็จ ฯ แตกกรุมาในเวลาไร่เรี่ยกันนั้นเป็นสัญญาณบอกเหตุว่า ภัยพิบัติครั้งยิ่งใหญ่จะเกิดขึ้น อย่าได้ประมาทเตรียมตัวรับสถานะการณ์อันเลวร้ายที่จะเกิดขึ้นในไม่ช้านี้ ประมาณ 1 ปีหลังจากกรุแตก ส่วนตัวข้าพเจ้าเองได้เตรียมเสบียงไว้ใช้หลายล้านปี ไม่วิตกกังวลอะไร(เวลานั้นคงไปเสวยสุขอยู่บนเทวโลกแล้ว)


พระแก้วมรกตประดับมุก ทรงเครื่องฤดูร้อน
            ข้อสงสัยของหลายๆท่าน จนจะกลายเป็นกรณีพิพาทของ 2 ฝ่ายคือฝ่ายที่เชื่อว่าพระสมเด็จวังหน้ามีจริงกับเชื่อว่าไม่มีจริง ใครมีข้อสนับสนุนดีกว่าก็จะไปเชื่อฝ่ายนั้น
         พระสมเด็จพิมพ์พระแก้วมรกต 3 ฤดู มีทั้งประดับมุกและปิดทองร่องชาด หลัง ครุฑพ่าห์ พระสมเด็จชุดนี้เป็นของผู้ใหญ่อายุ 80 ปีในเวลานั้น ท่านสะสมต่อจากบิดาของท่าน บิดาท่านทำงานอยู่ที่วัดระฆัง ตัวท่านเองสะสมพระไว้มากมายหลายชนิด ท่านตั้งใจเก็บไว้ให้ลูกหลานสืบทอดต่อไปแต่ลูกชายท่านเปลี่ยนไป(ฉันไม่ใช่ผู้ชายนะยะ) คุณลุงท่านนี้ก็เลิกเก็บเลิกสะสมพระก็มีหลายคนไปขอบูชาต่อ พระบางชุดท่านก็นำไปทำบุญกับวัด ข้าพเจ้าเองได้มาก็ใกล้จะหมดแล้ว บางคนที่ได้พระจากท่านไป เอาไปลงหนังสือพระหลายองค์ พระชุดนี้ที่ข้าพเจ้าได้มาไม่ใช่พระแตกกรุอย่างที่หลายคนเข้าใจ ส่วนที่ถกเถียงกันว่าแตกกรุหรือไม่แตกนั้นไม่ใช่ประเด็นสำคัญเลย ประเด็นสำคัญอยู่ที่ว่าเป็นพระสมเด็จที่เสด็จวังหน้าสร้างขึ้นมาจริงปรือไม่ ถ้าสร้างจริงทันหลวงปู่โตหรือไม่
          เรื่องปีพ.ศ ก็แถไปว่าในยุคนั้นยังไม่มีการใช้ พยายามหาข้อมูลผิดๆมาป้อนให้คนที่ไม่ศึกษา ว่าปี พ.ศ.จะเริ่มมีการใช้กันในรัชกาลที่ 5 ไม่ทันหลวงปู่โต แต่ศาสนาจักรไม่จำเป็นต้องไปยึดกับอาณาจักรทั้งหมด และถ้าบอกว่าภาษาบาลีไม่มีตัวเลขใช้ แต่ตัวเลขไทยก็มีการใช้มานานแล้ว การที่จะให้ผู้อื่นรู้เวลาในการสร้างก็จำเป็นต้องใช้ตัวเลขและองค์หลวงปู่โตก็คงมองเห็นอนาคตแล้วว่าประเทศไทยจะเป็นศูนย์กลางพระพุทธศาสนา ฉนั้นถ้าจะยึดหลักพระพุทธศาสนาแล้วก็สมควรใช้ปีพ.ศ. เมื่อก่อนใช้จุลศักราชต่อมารัชกาลที่ 5 ให้เลิกใช้ จศ. หันมาใช้รัตนโกสินทรศก เมื่อ 28 มีนาคม 2430 แต่ในทางพระพุทธศาสนาให้ใช้พุทธศักราชหรือ พ.ศ.ตามแบบธรรมเนียมนิยมที่ใช้มาแต่กรุงศรีอยุธยา ตรงนี้คงจะหมดปัญหาเรื่องปีพ.ศ.แล้วนะ เขาใช้กันมาแต่สมัยอยุธยานั้นแล้วและเป็นธรรมเนียมนิยมด้วย ไม่อย่างนั้นจะรู้ได้ไงว่า กรุงศรีอยุธยา กรุงสุโขทัย มีอายุยาวนานกี่ปี สมัยก่อนวัดก็เป็นแหล่งเรียนรู้ เป็นโรงเรียน เขานับวันเดือนปีอย่างไรดูตามลิงก์นี้ก็ได้

http://haab.catholic.or.th/PhotoGallery/photos/frist13/frist13.html  (copy link แล้วไปวางในช่อง url เพื่อเปิดหน้าใหม่)

       มีหลักฐานเพิ่มเติม  ในสมัยกรุงธนบุรี พระเจ้าตากสิน ได้มีการรวบรวมศิลปกรรมไม่ให้สูญหายจากการถูกพม่าเผากรุงฯ ทั้งงานช่าง งานเขียนได้ทรงแต่งวรรณคดีเรื่องรามเกียรติ์ไว้หลายตอน  ได้ให้ทรงสร้าง ตู้ลายรดน้ำที่มีศักราชแจ้งชัดว่าสร้างในสมัยกรุงธนบุรี อยู่ในหอสมุด วชิรญาณ ภายในหอสมุดแห่งชาติ ท่าวาสุกรี กรุงเทพฯ ถ้าพวกฝ่ายค้านหรือต่อต้านว่าพระวังหน้าไม่มีจริงด้วยเหตุ พ.ศ.หรือศักราชนี้ ก็ไปดูหลักฐานชิ้นนี้ได้ที่หอสมุดแห่งชาติได้เลย เผื่อจะหายสงสัยลงบ้าง
      
       ในสมัยรัชกาลที่ 4 ได้เคยไล่สมด็จโตในขณะนั้นยังเป็นพระเทพกวี ให้ออกจากราชอาณาจักรของพระองค์ด้วยความผิดเรื่องเทศน์ผิดเรื่อง ทำให้รัชกาลที่ 4 ไม่พอพระราชหฤทัย ไล่ลงจากธรรมาสน์ ไปให้พ้นราชอาณาจักรของพระองค์ สมเด็จโตก็ไปอาศัยอยู่ในโบสถ์ของวัดระฆัง เมื่อคราวถวายกฐิน เสด็จมาพบและรับสั่งว่า ไล่ให้ออกจากอาณาจักรแล้วทำไมยังขืนอยู่ สมเด็จโตตอบว่าอาตมาอยู่ในเขตพุทธจักร ไม่ใช่อาณาจักรของพระองค์ฯ หาอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ครับ ข้อนี้ก็ยังคงช่วยยืนยันเกี่ยวกับการใช้ พ.ศ.ในการสร้างพระ

        เพิ่มเติมอีกนิดถ้าการสร้างพระชุดนี้เพื่อเฉลิมฉลองการครองราชย์ของรัชกาลที่ 5 ในเดือนพฤศจิกายน ซึ่งมีเวลาเหลือเพียงเดือนเดียวนั้นก็คงคิดว่าสร้างไม่ทันภายในหนึ่งเดือน ถ้าเป็นการฉลองทั้งปีก็ยังมีเวลาเหลืออีก 3 เดือนครึ่งโดยประมาณคือเดือน มกราคมถึงเดือนเมษายนกลางปี พ.ศ. 2412 โดยนับวันมหาสงกรานต์เป็นวันขึ้นปีใหม่ไทย ตามทางจันทรคติ(มกราคม-กลางเดือนเมษายน 2412 ยังคงเป็นปีมะโรง อยู่ในปีเก่ายังไม่ขึ้นปีใหม่) รวมกับเดือนธันวาคม 2411 จะมีเวลาทั้งหมด 4 เดือนครึ่ง แต่ความจริงพระที่เสด็จวังหน้าสร้างก่อนหน้านั้นมารวมเข้าและเพิ่มไปอีกก็ได้เช่นกัน อย่างพระสมเด็จบางขุนพรหมสร้างไม่พอก็นำพระสมเด็จวัดระฆังเสริมให้ครบจำนวนที่ต้องการโดยการลงรักปิดทองไว้เพื่อให้รู้ว่าเป็นพระสมเด็จวัดระฆังที่เรียกว่าพระสองคลอง
        ครุฑพ่าห์ ใช้เป็นสัญลักษณ์สำคัญเกี่ยวกับพระมหากษัตริย์ไทยตั้งแต่สมัยอยุธยา ด้วยว่าไทยได้รับลัทธิเทวราชของอินเดียถือว่าพระมหากษัตริย์อวตารมาจากพระนารายณ์ ครุฑเป็นพาหนะของพระนารายณ์ จึงเป็นสัญลักษณ์แทนพระมหากษัตริย์ จึงปรากฏเป็นดวงตราหรือราชลัญจกรประจำพระองค์ รูปครุฑที่เป็นธงใช้แทนองค์พระมหากษัตริย์นั้นเรียกว่า ธงมหาราช รูปครุฑสีแดงบนพื้นสีเหลืองเริ่มใช้ในสมัยรัชกาลที่ 4 ฉนั้นการที่จะนำรูปครุฑมาปั้มที่หลังองค์พระก็ไม่น่าจะแปลกอะไร คือใช้เป็นสัญลักษณ์ว่าเป็นของหลวงและมีความหมายว่ามีฤทธิ์อำนาจ ตบะเดชะ

ดูรายละเอียดเพิ่มเติม ได้ที่ http://goo.gl/W8b68N



      พระปรมาภิไธย หมายถึง พระนามของพระมหากษัตริย์ ตามที่จารึกในพระสุพรรณบัฏ หลังจากที่ได้มี พระราชพิธีบรมราชาภิเษกแล้ว เกิดขึ้นครั้งแรกในสมัย รัชกาลที่ 4 ในสมัยรัชกาลที่ 5 ทรงประกอบพระราชพิธีบรมราชาภิเษกครั้งแรก เมื่อวันที่ 11 พฤศจิกายน พ.ศ. 2411 โดยได้รับการเฉลิมพระปรมาภิไธยว่า พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาจุฬาลงกรณ์ฯพระจุฬาลงกรณ์เกล้าเจ้าอยู่หัว โดยมีพระนามจารึกในพระสุพรรณบัฏว่า " พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาจุฬาลงกรณ์..........................ปรมินทรธรรมิกหาราชาธิราช บรมนาถบพิตร พระจุฬาลงกรณ์เกล้าเจ้าอยู่หัว" ตรงนี้ใช้อักษรย่อว่า จปร ได้หรือไม่   
       ผนวชและบรมราชาภิเษกครั้งที่ 2 เมื่อ 16 พฤศจิกายน พ.ศ.2416  โดยได้รับเฉลิมพระปรมาภิไธยในครั้งนี้ว่า พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาจุฬาลงกรณ์ฯ พระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว มีพระนามจารึกในพระสุพรรณบัฏว่า "พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาจุฬาลงกรณ์................ปรมินทรธรรมิกหาราชาธิราช บรมนาถบพิตร พระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว" ตรงนี้ก็ใช้ จปร ได้เช่นกัน
      พระปรมาภิไธยย่อ จปร ยังหมายถึงรัชกาลที่ 1และรัชกาลที่ 3 อีกด้วย  หลวงปู่โตฯพระองค์ท่านก็มองเห็นอนาคตอยู่แล้ว การที่จะใช้ จปร อยู่หลังองค์พระหรือถวายรัชกาลที่ 5 เป็นไปได้ไม่ใช่หรือ ส่วนพระสมเด็จประดับพลอยบุทองหลังรัชกาลที่ 5 สร้างไว้ 2 วาระคือ พ.ศ.2411 และ พ.ศ. 2451 มีบอกไว้แล้วใน พระสมเด็จวัดระฆังแท้หรือปลอม

        อ่านเพิ่มเติมพระปรมาภิไธย
http://goo.gl/kH8Hno

http://goo.gl/BrV1Ax


     คนที่ค้านหัวชนฝาว่าพระสมเด็จวังหน้าไม่มีจริงนั้น ลองเข้าหาพระที่ท่านมีสมาธิสูงและนำพระสมเด็จวังหน้าอย่างที่ข้าพเจ้ามีไปให้ท่านช่วยพิจารณาให้ดูซิท่านจะว่ายังไงบ้าง พระที่มีพุทธคุณสูงอย่างที่หลายคนเคยสัมผัสมาแล้วจะมีพระเกจิที่ไหนในปัจจุบันที่สร้างได้ ของแท้มีของเทียมเต็มตลาด จะได้ไม่ต้องมีวาทะกรรมต่อกัน ไม่เป็นบาปที่ไปปรามาสท่านว่าของปลอม บ้างคนขนาดว่าพระยี่เกก็มี 
    หลวงปู่โตฯท่านได้มวลสารศักดิ์สิทธิ์อื่นๆอีกมากที่เราไม่รู้จัก ได้จากเทวดาที่แปลงมาเป็นชีปะขาว ได้จากชาวลับแล จากพญานาค ฯลฯ ต้องพิจารณาว่าหลวงปู่โตเป็นพระระดับไหน ถ้าพิจารณาได้ก็จะตัดความสงสัยลงไปได้เยอะ อีกเรื่องหนึ่งแม้แต่เซียนดังหรืออาจารย์สอนดูพระสมเด็จว่า นอกจากมวลสารหลักแล้ว ยังมีมวลสารรอง คือเส้นผมและอื่นๆ บางคนส่องพระสมเด็จเห็นเส้นผมดีใจใหญ่ เส้นผมของคนที่มาช่วยพิมพ์พระไง ถ้าเป็นเส้นเกษาของหลวงปู่โตจริง ป่านนี้กลายเป็นพระธาตุไปนานแล้ว จริงหรือไม่

พระแก้วมรกตประดับมุก ทรงเครื่องฤดูฝน





พระแก้วมรกตประดับมุก ทรงเครื่องฤดูหนาว





พระสมเด็จวังหน้าเนื้อหยกประดับมุก
          พระเนื้อหยกแท้มีน้ำหนักมากกว่าพระเนื้อผง มีน้ำหนักมากกว่าพระสมเด็จวังหน้า 2 องค์ล่างที่เป็นเนื้อผง



   
พระสมเด็จวังหน้าเนื้อผง


พระสมเด็จพิมพ์ไกเซอร์หลังคาถาชินบัญชร แม่เหล็กดูดติด เนื้อเรซิ่น
พระสมเด็จพิมพ์ใหญ่หลังมุกแม่เหล็กดูดติด เนื้อเรซิ่นมีหลายสี

พระสมเด็จทรงครุฑ แม่เหล็กดูดติด เนื้อเรซิ่น

พระซุ้มกอหลังมุก แม่เหล็กดูดติด เนื้อเรซิ่น


เมื่อผ่าพระเนื้อเรซิ่นจะเห็นแม่เหล็กขนาดใหญ่
          พระเรซิ่น เมื่อนำพระเรซิ่นที่ฝังแม่เหล็กมาประกบกันจะมีทั้งดูดกันและผลักกันตามขั้วของแม่เหล็ก ซึ่งคนส่วนใหญ่ที่มีพระชุดนี้จะเข้าใจว่าเป็นพระที่ฝังเหล็กไหล เก็บไว้มากมาย โดยความจริงแล้วมีพระสมเด็จจำนวนมากที่ฝังเหล็กไหล แต่เหล็กไหลที่ฝังจะเล็กมากแม่เหล็กสามารถดูดติดได้แต่กำลังก็อ่อนมาก เมื่อนำพระไปใกล้แม่เหล็กโดยตรงจะไม่มีความรู้สึกเลยว่ามีกำลังดูดกัน ต้องอาศัยเทคนิคนิดหน่อยจึงจะรู้ได้

   
       พระสมเด็จวังหน้าเนื้อหินสีเขียว ด้านหลังเรียบ หินสีมีทั้งสีเขียว เหลือง แดง ส้มฯ ไม่ใช่หยกและไม่ใช่มรกต ยังไม่รู้จะเรียกว่าอะไรดีเนื้อหยกจะสีขุ่นตามตัวอย่างข้างบน พระสมเด็จวังหน้าเนื้อหยกประดับมุก เนื้อหยกและเนื้อหินสีจะมีน้ำหนักมากกว่าพระเนื้อเรซิ่น พระเนื้อเรซิ่นองค์ขวามือฝังแม่เหล็กเอาไว้ ไม่สามารถดูผ่านแสงสว่างได้เพราะจะมองเห็นแม่เหล็กกลมใหญ่ฝังอยู่ เนื้อเรซิ่นถูกไฟก็จะละลาย
     พระที่มีการดูดติดกันเป็นพระเนื้อเรซิ่นฝังแม่เหล็ก

    พระสมเด็จเนื้อสีเขียวทึบอย่างองค์ล่างขวามือทำมาหลายพิมพ์ พิมพ์ใหญ่ พิมพ์ไกเซอร์ รูปเหมือนหลวงปู่โต หลังมีพระคาถาชินบัญชรส่วนใหญ่เนื้อเรซิ่นทั้งนั้น ถ้าพระดูดติดกันได้อีกจบเลยครับพระโรงงานเนื้อเรซิ่นลองเอาไฟแช็คลนดูก็ได้ เนื้อเรซิ่นจะไหม้และมีกลิ่นพลาสติก ถ้าเป็นเนื้อหินสีจะไม่เป็นไร ถ้าเนื้อหยกจริงๆหายากมาก  ดูองค์บนที่เขียนว่าเนื้อหยกต้องเป็นสีลักษณะนั้นเขียวขุ่นมีสีขาวผสม จะไม่เขียวทั้งองค์ ถ้าเขียวทั้งองค์อย่างองค์ล่างซ้ายเป็นหินสีชนิดหนึ่งมีพลังในตัว  ดูบทความต่อไปครับ

ถ่ายรูปเมื่อแสงผ่านด้านหลังองค์พระ



วันพุธที่ 20 พฤษภาคม พ.ศ. 2558

พระกริ่งมังกรทองหลวงปู่โตอธิษฐานจิต


พระกริ่งมังกรทองเนื้อเงิน # 01
            พระกริ่งมังกรทองกลับร้ายเป็นดี เนื้อเงิน ด้านหลังตอกภาษาจีน จินหลง มังกรทอง ผู้คนส่วนใหญ่ไม่รู้จักไม่มีในตำรา สร้างที่วังหน้า องค์พระส่วนใหญ่ถูกครอบครองโดยเจ้านายชั้นสูงและคนที่มีบารมี บุญกับบารมีนั้นต่างกันนะ การให้ทานเป็นบุญ การรักษาศีลและภาวนาเป็นบุญและบารมีโดยสัดส่วนบารมีมากกว่าบุญ
        เข้าไปอ่านรายละเอียดเพิ่มคลิกที่  พระสมเด็จวัดระฆัง พระกริ่งหลวงปู่โตกลับร้ายเป็นดี




พระกริ่งมังกรทองเนื้อเงิน # 02


พระกริ่งมังกรทองเนื้อเงิน # 03