พระกริ่งปวเรศ พิมพ์จุก สร้างปี พ.ศ.๒๓๗๐ |
พระกริ่งปวเรศ บัวหลังด้านซ้ายจาร พ.ศ. ๒๓๗๐ |
พระกริ่งปวเรศ บัวหลังด้านขวาจาร พ.ศ. ๒๔๐๖ พระกริ่งปวเรศ องค์นี้อธิษฐานจิตปลุกเสก ๓๖ พรรษา |
พระกริ่งปวเรศ ก้นพระกริ่งจารอักขระ |
พระกริ่งปวเรศยุคต้น ที่สร้างสมัยรัชกาลที่ ๓ เท่าที่มีอยู่ในเวลานี้สร้างไว้ ๓ ครั้ง โดยครั้งแรกสร้างไว้ปี พ.ศ. ๒๓๗๐ สร้างครั้งที่ ๒ ปี พ.ศ.๒๓๗๕ และสร้างครั้งที่ ๓ ปี พ.ศ.๒๓๘๐..ซึ่งในปี พ.ศ.๒๓๘๐ พระวชิรญาณเถระ(พระน้องยาเธอ เจ้าฟ้ามงกุฏ)เป็นเจ้าอาวาสอันดับ ๑ แห่งวัดบวร เป็นเจ้าอาวาสอยู่ ๑๔ ปี ถึงปี พ.ศ.๒๓๙๔ เมื่อพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัวเสด็จสวรรคต ในวันที่ ๒ เมษายน ๒๓๙๔ พระราชวงศ์และเสนาบดีมีมติเห็นชอบให้ถวายราชสมบัติแก่พระมงกุฏวชิรญาณ พยานวัตถุที่เป็นพระกริ่งปวเรศชุดนี้เป็นเนื้อสัมฤทธิ์ คำบอกเล่ากับพยานวัตถุสิ่งไหนจะสำคัญกว่ากัน ประวัติศาสตร์มีการเปลี่ยนแปลงก็จากการค้นพบวัตถุโบราณใหม่ๆ โดยใช้หลัการทางวิทยาศาสตร์คำนวณอายุและความเก่าของวัตถุโบราณนั้นๆ ท่านที่เข้ามาชมพระกริ่งปวเรศชุดนี้แล้วท่านคิดว่าเป็นยังไง ความเก่าของโลหะแบบนี้สร้างขึ้นมาใหม่ได้หรือไม่ พระกริ่งปวเรศจารอักขระและปี พ.ศ. การใช้ พ.ศ.มีมาตั้งแต่สมัยอยุธยา และคงใช้ถึงปัจจุบัน ถึงแม้ว่าในสมัยรัชกาลที่ ๓ จะใช้คำว่า จ.ศ. จุลศักราช แต่ทางขณะสงฆ์ยังคงใช้ พุทธศักราชดังเดิม ศาสนาจักรกับอาณาจักรแยกกัน พระกริ่งปวเรศชุดนี้มีพลังพุทธานุภาพสูงกว่าพระกริ่งปวเรศเนื้อนวกลับดำ คนที่สามารถสัมผัสพลังพระได้ไม่ว่าจะวิธีใด ใช้ลูกดิ่ง วัดคืบ สัมผัสพลังโดยตรง สามารถรับรู้พลังที่แตกต่างกันได้ เปิดใช้พิจารณาด้วยครับ https://www.facebook.com/PhraSomdejWatRakhanggenuine
พระกริ่งปวเรศ โค๊ตหยดน้ำ ๙ โค๊ต สร้างปี พ.ศ.๒๓๗๕ |
พระกริ่งปวเรศ บัวหลังด้านซ้ายจาร พ.ศ.๒๓๗๕ ปี พ.ศ.ที่สร้างพระกริ่ง |
พระกริ่งปวเรศ บัวหลังด้านขวาจาร ๒๓๘๐ ปี ที่อธิษฐานจิตปีสุดท้าย พระกริ่งปวเรศองค์นี้ปลุกเสก ๕ พรรษา สนิมโลหะสีน้ำตาลเข้ม |
ก้นพระกริ่งปวเรศ จารอักขระ |
พระกริ่งปวเรศ อธิษฐานจิต ๕ พรรษา |
พระกริ่งปวเรศ ก้นจาร |
พระกริ่งปวเรศ บัวหลังด้านซ้ายจาร ๒๓๘๐ |
พระกริ่งปวเรศ บัวหลังด้านขวาจาร ๒๓๘๕ |
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น