พระสมเด็จวัดระฆังหลังพระราชลัญจกรรัชกาลที่ ๔
เรื่องที่จะเล่าต่อไปนี้ฟังและพิจารณาด้วยนะครับ จะเชื่อหรือไม่เชื่อจะศรัทธาหรือไม่ศรัทธาก็พิจารณากันเองนะครับ
เช้าวันหนึ่งผมกำลังจะสวดมนต์ได้มีคนส่งรูปพระสมเด็จมาให้ดู ผมเห็นด้านหลังองค์พระเป็นลายพระราชลัญจกรรัชกาลที่ 4 ตอนแรกผมไม่ค่อยจะสนใจมากนักเพราะจะเคยเห็นพระสายวังแบบนี้มาแล้ว แต่รูปพระที่ส่งมาเป็นเนื้อพระสมเด็จวัดระฆังพิมพ์สวยเนื้อสวยมาก.. จี๊ดๆๆ กระแสพลังมาลงกลางกระหม่อมมากระตุ้นจักกระที่ ๗ ส่วนใหญ่ผมจะรู้สึกขนลุกมากกว่าที่จะเกิดอาการอย่างนี้ คือเหมือนมีเข็มมาแทงที่กลางกระหม่อม เสียวแปล๊บ จะเจ็บก็ไม่เจ็บฯ เป็นกระแสพลังขององค์พระสมเด็จวัดระฆังพิมพ์นี้หรือไม่ ผมก็เลยนัดเจอกันกับคนที่ส่งรูปพระมาให้ผมดู ขณะที่ผมคุยกับคนที่นำพระมาให้ผมๆก็หยิบพระองค์นี้มาแล้วอธิษฐานและส่งจิตไปให้เขาและถามเขาว่ารู้สึกอย่างไรบ้าง เขาบอกว่า มีอาการตุ๊บๆที่หน้าผากครับ ซึ่งโดยปกติแล้วเวลาผมทดสอบเขาๆจะรู้สึกร้อนผ่าวๆที่หน้า คล้ายๆหน้าเห่อเป็นลมพิษ ขณะที่คุยกันเขาก็จะรู้สึกตุ๊บๆที่หน้าผากตลอดเวลา เวลานี้ผมจะลองใช้วิธีนี้ในการให้คนอื่นสัมผัสพลังพระเองโดยผมหยิบพระขึ้นมาอธิษฐานและให้เขาสัมผัสเอง แทนที่เขาจะเป็นคนจับพระและอธิษฐานจากที่ผมบอกก็ต้องทดสอบหลายวิธี มีความก้าวหน้าและพัฒนาเรื่องการสัมผัสพลังที่แตกต่างไปจากเดิม ซึ่งส่วนใหญ่อาการที่เกิดขึ้นนั้นเกิดจากคนที่คุยกับผมแล้วผมได้ปรับมาใช้ฯ
เมื่อผมนำพระสมเด็จวัดระฆังกลับมาที่บ้าน ผมก็นำกล้องมาส่องดูแล้วอธิษฐานถามถึงเหตุการณ์ที่ผมสัมผัสเมื่อเช้า อาการมาทันทีไม่สามารถยั้งได้ อ๊วก ๆ ๆ โอ้โห! ตั้งแต่สัมผัสพลังพระมายังไม่เคยเจอแบบนี้เลย เป็นเพราะอะไร มีอะไรพิเศษกว่าที่คิดไว้หรือยังไง
ผมก็อธิษฐานว่าพระสมเด็จวัดระฆังองค์นี้หลวงปู่โตร่วมอธิษฐานจิตปลุกเสกด้วยหรือไม่ เงียบ! ไม่มีอะไรเกิดขึ้น เอ๊! เป็นไปได้อย่างไร แปลกมากๆ ไม่ว่าจะจับองค์พระโดยตรงหรือดูรูปจากคอมฯ เพราะรูปจะใหญ่อาจจะชัดเจนขึ้น ก็ยังเงียบอีกไม่มีปฏิกิริยาอะไรเกิดขึ้น ถ้าในยุคนี้ไม่ใช่หลวงปู่โตแล้วจะมีใครได้อีก ผมก็นึกไปถึงกรมพระยาปวเรศวริยาลงกรณ์เท่านั้นแหละกระแสพลังมาทันทีเลย ยังไม่ทันได้อธิษฐานแค่นึกกระแสพลังก็มาแล้ว พอนึกถึงหลวงพ่อเงินวัดบางคลานมาร่วมอธิษฐานจิตปลุกเสกด้วยหรือไม่กระแสพลังก็มาทันทีเช่นกัน ผมคิดต่อไปว่าคงไม่ใช่เท่านี้แน่นอน นึกถึงพระโพธิสัตว์หลายร้อยพระองค์กระแสพลังก็มาด้วย(ไม่ไปไล่ตัวเลขว่าเท่าไหร่แน่นอน รู้เท่านี้ก็ดีแล้ว) ญาณพระมหาจักพรรดิก็มา อ้วก ๆ ๆ เอาอีกแล้วคราวนี้ทำเอาน้ำตาไหลอีกด้วย พอแหละเท่านี้ อ้วกจนแสบคอ ไม่ต้องอยากไปรู้อะไรอีก ทั้งหมดนี้เกี่ยวกับพระราชลัญจกรรัชกาลที่ ๔เป็นสำคัญ (ใครจะเชื่อก็ดี ไม่เชื่อก็ดี แล้วแต่วาสนาของท่าน)
“พระจักรพรรดิราช” มีแก้ววิเศษทั้ง ๗ ประการ อันได้แก่ จักรแก้ว ช้างแก้ว ม้าแก้ว รัตนะ (หรือที่ในอุษาคเนย์เรียกอย่างจำเพาะเจาะจงลงไปว่า แก้วมณีโชติ) นางแก้ว ขุนคลังแก้ว และขุนพลแก้ว โดยแก้วแต่ละประการก็มีคุณลักษณะวิเศษแตกต่างกันไป๑ คือ
จักรแก้ว ช้างแก้ว และม้าแก้ว เป็นสัญลักษณ์ของพระราชพาหนะ ที่จะนำเสด็จองค์พระจักรพรรดิไปยังสถานที่ต่างๆ โดยรวดเร็วตามพระทัยปรารถนา
-แก้วมณีโชติ เป็นสัญลักษณ์แห่งการทำมาหากินของราษฎร
-นางแก้ว เป็นที่จำเริญพระทัย
-ขุนคลังแก้ว ทำให้เจริญพระราชทรัพย์
-ส่วนขุนพลแก้วนั้น ทำให้สำเร็จซึ่งสรรพกิจทั้งปวง และก็ไม่ใช่คนอื่นคนไกล แต่ต้องเป็น “ราชบุตรผู้ใหญ่แห่งสมเด็จบรมจักรพรรดิราช” นั่นเอง
ผมมีพระกริ่งปวเรศที่ปลุกเสกหลาย ๑๐ พรรษา ผมยังไม่มีอาการแบบนี้เลย มหัศจรรย์จริงๆ สาธุ สาธุ สาธุ
พระสมเด็จวัดระฆังหลังพระราชลัญจกรรัชกาลที่ ๔ หลวงปู่โตไม่ได้ร่วมอธิษฐานจิตปลุกเสก เวลานั้นหลวงปู่โตไปไหนนะ เคยบอกไปแล้วว่าเวลานั้น หลวงปู่โตถูกรัชกาลที่ ๔ ขับออกจากอาณาจักรของพระองค์
พระสมเด็จวัดระฆังชุดนี้มีการลงรักไว้ด้วยแต่รักหลุดร่อนไปหมดแล้ว พิจารณาพิมพ์ทรงคมชัดการกดพิมพ์มีความพิถีพิถันมากองค์พระและพระราชลัญจกรติดคมชัดสวยงามเป็นพระสมเด็จที่สวยสมบูรณ์มาก ซุ้มระฆังหรือซุ้มครอบแก้วใหญ่แบบหวายผ่าซีกหน้าอกหนาใหญ่แบบอกกระบอกเนื้อพระด้านหน้าแตกลาย การแตกลายสลับซับซ้อนมองแล้วมีเสน่ห์มากกว่าเนื้อเรียบๆมีหนอนด้นปู่ไต่อาจจะมีปริแยกบ้าง แต่พระสมเด็จวัดระฆังองค์นี้งามจริงๆ ฝีมือช่างหลวงฯ
พระสมเด็จวัดระฆังหลังพระราชลัญจกรรัชกาลที่ ๔ มีสร้างไว้หลายครั้งหลายเนื้อ ซึ่งก็มีความแตกต่างเรื่องพลังและการปลุกเสกที่อาจมีพระสมเด็จบางชุดที่หลวงปู่โตปลุกเสก คือผมมีพระสมเด็จชุดนี้สัมผัสได้อย่างนี้ก็บอกไปตามที่สัมผัส ส่วนพระสมเด็จที่สร้างวาระอื่นผมไม่มีเก็บไว้ก็บอกอะไรไม่ได้ครับ
http://ariyathum.blogspot.com/2020/05...
https://www.facebook.com/PhraSomdejWa...
092 339 5410, 080 629 2955
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น