พระสมเด็จวัดระฆังเนื้อชมพูผสมว่านมหาราชแดงไม่ค่อยพบเห็น ลองไปเสิร์ชหาดูจะไม่พบเห็นเลย การสร้างพระสมเด็จในสมัยนั้นนิยมนำว่านชนิดต่างๆมาผสมในองค์พระบางที่ก็นำเนื้อว่านมาบด บางทีก็นำน้ำว่านมาผสมแล้วแต่เนื้อว่านแต่ละชนิดที่มีลักษณะความอ่อนแข็งต่างกัน อย่างการสักยันต์มีทั้งสักหมึกและสักด้วยน้ำว่าน การสักด้วยน้ำว่านก็จะตำว่านให้ละเอียดห่อด้วยผ้าขาวแบบลูกประคบไปวางบนหม้อดินที่ต้มน้ำเดือดกะได้ทีก็จะนำผ้าห่อว่านนั้นมาบิดให้น้ำว่านออกมาทำอย่างนั้นหลายๆเที่ยวแล้วเอาน้ำว่านนั้นผสมกับนำมันงาบ้างน้ำมันจันทร์บ้างแล้วนำมาสักยันต์ให้กับคนๆนั้น เวลานี้ว่านที่สำคัญหลายชนิดไม่ค่อยมีใครปลูกกันแล้วมีแต่ว่านเสน่ห์เมตตาค้าขายที่นิยมมาปลูกหรือเลี้ยงไว้ตามร้านค้าเพื่อดึงดูดลูกค้าเข้าร้าน แต่ก็มีเห็นน้อยแล้วเพราะต้องมีความศรัทธาและวิธีปฏิบัตด้วย ว่านที่ร้านค้านิยมมาปลูกกี่จะมี ว่านเถาวัลย์หลง ว่านเสน่ห์จันทร์ขาว เสน่ห์จันทร์แดง ว่านนางกวัก ว่านตระกูลเศรษฐี ฯลฯส่วนใหญ่ในเวลานี้ไปนิยมเบอร์มือถือเลขมงคลมากกว่ามาปลูกว่าน
ว่านมหาราชสรรพคุณ คำว่าว่า "มหาราช" หมายถึงมีอำนาจวาสนาบารมีเป็นใหญ่เป็นโต มีทรัพย์สินเงินทอง ข้าทาสบริวาร พระสมเด็จวัดระฆังผสมว่านมหาราชชุดนี้มีชุดธรรมดากับชุดพิเศษคือชุดพิเศษด้านหลังองค์พระจารปี พ.ศ.ที่สร้างและอักขระ พระสร้างปี พ.ศ.๒๓๘๕ ที่พิเศษเพิ่มไปอีกคือพระสมเด็จวัดระฆังผสมว่านมหาราชที่อธิษฐานจิตปลุกเสก ๒๐ พรรษาคือพระที่สร้างปี พ.ศ.๒๓๗๕และอธิษฐานจิตปลุกเสกถึงปี พ.ศ.๒๓๙๕ พระสมเด็จวัดระฆังชุดอธิษฐานจิตปลุกเสก ๒๐ พรรษามีพลังพุทธานุภาพสูงกว่าพระสมเด็จทั้ง ๒ ชุดแรกและสูงกว่าพระสมเด็จวัดระฆังทั่วไปพระสมเด็จวัดระฆังของเซียนพระทั้งหลาย คนที่สามารถสัมผัสพลังพระได้จะรู้ว่าพระองค์ไหนมีพลังที่แตกต่างกัน หรือแม้แต่จะใช้วิธีวัดคืบ วิธีใช้ลูกดิ่งเพนดูลั่ม ก็สามารถตรวจเช็คได้ว่าพระสมเด็จองค์ไหนมีพลังมากกว่ากันแต่ไม่รู้ว่าพลังที่แตกต่างกันนั้นเป็นยังไง
อักขระที่จารส่วนใหญ่ก็จะมี "นะชาลีติ" "นะมะพะทะ" "นะมะอะอุ" "พุทธะสังมิ"
https://www.facebook.com/PhraSomdejWa...
092 339 5410,080 629 2955
วันจันทร์ที่ 20 ธันวาคม พ.ศ. 2564
วันจันทร์ที่ 13 ธันวาคม พ.ศ. 2564
พระสมเด็จวัดระฆังEP12(เนื้อเทียนชัย)
พระสมเด็จวัดระฆังเนื้อเทียนชัย ส่วนผสมหลักคือเนื้อเทียนชัยมีทั้งสีเหลืองน้ำตาลและสีขาวและผสมด้วยผงกฤติยาคม โดยเฉพาะเทียนชัยก็มีคุณวิเศษอยู่แล้ว เทียนชัยที่จุดในพิธีพุทธาภิเษกพระเครื่องแต่ละครั้งนำมาเป็นวัตถุหลักในการสร้างพระ พระสมเด็จวัดระฆังเนื้อเทียนชัยมีความโดดเด่นด้านการปกครองเป็นผู้บริหารเป็นหัวหน้างาน มีชัยต่ออุปสรรคทั้งหลายและหาชมของจริงได้ยากมาก ส่วนใหญ่ที่เห็นเป็นพระสมเด็จวัดระฆังเนื้อแก่น้ำมันที่ดูคล้ายเทียน
ลองดูพระสมเด็จวัดระฆังเนื้อเทียนชัยที่นำเสนอ ๒ องค์นี้ว่ามีเนื้อต่างแตกต่างจากของที่อื่นอย่างไรบ้าง พระสมเด็จวัดระฆังทั้ง ๒ องค์นี้ซุ้มระฆังหรือซุ้มครอบแก้วเล็กแบบเส้นลวดจะเป็นพระสมเด็จยุคกลาง พระสมเด็จยุคปลายยังไม่เคยเห็นสร้างเนื้อพระเทียนชัยแบบนี้
พระสมเด็จวัดระฆังเนื้อเทียนชัยสามารถนำของมีคมหรือมีดมาปาดเบาๆด้านหลังองค์พระเนื้อเทียนจะหลุดออกมาเป็นแผ่นเลยทีเดียว ถ้ากดมีดแรงและลึกเนื้อเทียนก็จะหลุดมาเป็นแผ่นหนา เวลาปาดมีดก็ต้องระวังกดเบาๆหรือใช้เล็บจิกไปที่เนื้อพระก็จะเป็นรอยจิกแต่ถ้าเป็นพระสมเด็จวัดระฆังเนื้อน้ำมันจะใช้เล็บจิกหรือมีดปาดเนื้อพระจะไม่หลุดออกมา
การพัฒนาของพระสมเด็จวัดระฆังเนื้อเทียนชัยจะแตกต่างจากพระสมเด็จเนื้ออื่นๆที่จะนำมาพิจารณาแบบเดียวกันไม่ได้ รอยปริแยก ย่น ยับ เหี่ยว จะต่างกัน พระสมเด็จเนื้อเทียนชัยจะไม่เห็นรอยแตกลานแบบแตกลายงา แตกลายสังคโลก แตกลายไข่นกปรอด แต่ก็ไม่รู้ได้ว่าถ้าพระสมเด็จวัดระฆังเนื้อเทียนชัยโดนความร้อนระดับไหนกี่องศาจึงจะเปลียนรูปทรง ขบวนรถแห่เทียนพรรษาทั้งวันโดนความร้อนและอุณหภูมิร้อนขนาดนั้นก็ยังไม่ละลายเปลี่ยนรูปทรงนะ
https://www.facebook.com/PhraSomdejWa...
092 339 5410,080 629 2955
วันอาทิตย์ที่ 12 ธันวาคม พ.ศ. 2564
พระสมเด็จวัดระฆังEP11เนื้อกระแจะจันทร์
พระสมเด็จวัดระฆังเนื้อกระแจะจันทร์ พระสมเด็จวัดระฆังเนื้อนี้หาชมของจริงได้ยากมาก เปรียบเทียบกับพระสมเด็จองค์อื่นที่โชว์กันอยู่ในเวลานี้จะมีความแตกต่างกัน ถึงแม่ว่าพระสมเด็จองค์นั้นเนื้อพระจะมีความหอมแต่ก็จะหอมไม่นาน ก็ต้องพิจารณาว่าความหอมมาจากไหน เจ้าของวางใส่พานบูชาด้วยเครื่องหอมมี ดอกไม้ แป้งร่ำ แป้งกระแจะจันทร์และเครื่องหอมอื่นๆ ใช่ว่าพระสมเด็จองค์นั้นจะเป็นพระสมเด็จเนื้อกระแจะจันทร์
พระสมเด็จผสมว่านกระแจะจันทร์องค์นี้เดิมถูกเก็บอยู่ในกล่องปิดไว้อย่างดีเมื่อเปิดกล่องนำพระมาส่องจะได้กลิ่นหอมเย็นๆมาเตะจมูก เมื่อนำพระออกมาจากกล่องมาไว้ข้างนอกไม่นานกลิ่นก็จากหายไป สีผิวและเนื้อพระคล้ายแผ่นไม้ การพัฒนาของเนื้อพระจะแตกต่างจากเนื้อปูนสุกปูนดิบทั่วไปและแตกต่างจากเนื้อพระอื่นๆด้วย พระสมเด็จวัดระฆังนั้นมีหลายเนื้อจะพิจารณาอย่างใดอย่างหนึ่งไม่ได้ ว่านกระแจะจันทร์มีคุณสมบัติทางด้านเสน่ห์มหานิยม วาจามีเสน่ห์ การค้าการขาย สมัยก่อนนิยมมาทำเป็น แป้งเจิม กระแจะจันทร์ คือแป้งที่ใช้เจิมหน้าผากบ่าวสาวในงานแต่งงาน และยังถือเป็นของมงคลที่สามารถนำมาเจิมบ้าน เจิมเสาเอกได้อีกด้วย ส่วนกระแจะจันทร์เป็นเครื่องหอมไทยที่มีมานานมาก ตั้งแต่สมัยที่ยังไม่มีการคิดปรุงเครื่องหอมไทย
พระสมเด็จวัดระฆังเนื้อกระแจะจันทร์องค์นี้พระพักตร์แบบผลมะตูมซึ่งเป็นพระพักตร์ที่สวยงามและหาพบเจอยากมาก ส่วนใหญ่จะเป็นพระพักตร์กลมแบบไข่หรือเม็ดพริกไทยและพระพักตร์สี่เหลี่ยมข้าวหลามตัดที่รู้จักกันมากในพระสมเด็จวัดระฆังพิมพ์ลุงพุฒ ยังมีพระพักตร์ตั๊กแตนที่จะมีในพระสมเด็จยุคกลาง พระสมเด็จยุคปลายยังไม่พบเห็น พระสมเด็จวัดระฆังเนื้อกระแจะจันทร์องค์นี้เส้นสังฆาฏินูนเล็กน้อยพองาม และพระพักตร์ของพระสมเด็จองค์นี้จะเอียงขวาเล็กน้อยแบบพระสมเด็จวัดระฆังพิมพ์นิยมและเป็นเอกลักษณ์ที่สำคัญของพระสมเด็จวัดระฆัง สังเกตุพระเกศก็จะเอียงขวาเล็กน้อยดูจากสันนูนตรงกลางและเนื้อพระเกศทั้ง ๒ ข้างซ้ายขวาจะไม่เท่ากันฯ
https://www.facebook.com/PhraSomdejWa...
วันจันทร์ที่ 6 ธันวาคม พ.ศ. 2564
พระสมเด็จวัดระฆังEP10(หลังดอกโบตั๋น)
พระสมเด็จวัดระฆังที่สร้างปี พ.ศ.๒๔๑๑ เฉลิมฉลองการขึ้นครองราชย์ของรัชกาลที่ ๕ พระสมเด็จวัดระฆังในวาระนี้ที่โดดเด่นชัดเจนที่สุดจะเป็นพระสมเด็จวัดระฆังหลังตระกูลเปลือกไม้ ที่มีพิมพ์ร่องสวน พิมพ์หลังหมอน พิมพ์รังผึ้ง(ขนมรังผึ้ง) พิมพ์หลังยันต์ พิมพ์หลังอักษรจีนมงคลตระกูลแซ่พิมพ์หลังท้าวมหาพรหมชินนะปัญจะระ พิมพ์หลังดอกโบตั๋น พิมพ์หลังต่างๆ ประมาณว่ามีคนเก็บสะสมไว้ถึง ๖๐ กว่าพิมพ์ ซึ่งโดยเนื้อหาและมวลสารของพระสมเด็จจะเป็นในทางเดียวกัน พระสมเด็จโรยผงตะไบทองคำที่นำพระสมเด็จวัดระฆังบางส่วนบรรจุไว้ที่กรุเจดีย์ทองวัดพระแก้ว พระสมเด็จของวัดพระแก้วจริงๆแล้วจะเป็นพระเนื้อละเอียดใช้เครื่องบดซึ่งต่างจากของวัดระฆัง
พระสมเด็จวัดระฆังพิมพ์หลังดอกโบตั๋น ดอกโบตั๋นเป็นดอกไม้ที่นิยมใช้ในงานศิลปะมายาวนานหนึ่งในสัญลักษณ์ประจำชาติของจีน โดยถือเป็นดอกไม้แห่งลาภยศและความร่ำรวยแล้วยังเป็นราชาแห่งดอกไม้ และเป็นสัญลักษณ์ของโชคดีสำหรับเพศหญิงดอกโบตั๋น แตกต่างจากดอกไม้ชนิดอื่น ๆ คือที่ก้านจะมีใบ ๓ ใบ และในใบใหญ่แต่ละใบจะแตกออกเป็นใบเล็กอีก ๓ ใ บ รวมทั้งหมด ๙ ใบ จึงเป็นที่มาของคำเปรียบเปรยว่า "ดอกโบตั๋นเป็นดอกไม้มังกร ๙ หัว" กล่าวคือเป็นดอกไม้ที่เป็นตัวแทนของความมั่งมีศรีสุข มีลาภยศยิ่งใหญ่ จิตรกรจีนมักจะวาดภาพดอกโบตั๋นสีสันสดใส และคนจีนก็นิยมนำไปประดับบ้านโดยเฉพาะที่ห้องรับแขก เพราะเชื่อกันว่าจะนำพามาซึ่งความมั่งคั่ง โชคลาภและความร่ำรวยในสมัยโบราณ ดอกโบตั๋นเป็นที่นิยมเพาะเลี้ยงกันในหมู่ชนชั้นสูง ซึ่งบางครั้งราคาประมูลขายกันแพงมาก จนสุดยอดกวีราชวงศ์ถังท่านหนึ่ง ชื่อ ไป๋จวีอี้ กล่าวไว้ว่า "อี้ฉงเซินเซ่อฮวา สือฮุจงเหรินฝู้" ซึ่งหมายความว่า "โบตั๋นเพียงไม่กี่ดอกยังมีมูลค่ามากกว่าเงินภาษีของชนชั้นกลางสิบคนเสียอีก"
พระสมเด็จวัดระฆังพิมพ์หลังดอกโบตั๋นจึงมีความหมายที่ดีที่ชาวจีนที่ศรัทธาในองค์หลวงปู่โตได้ร่วมช่วยกันสร้างพระสมเด็จและชาวจีนเจ้าของร้านทองเยาวราชได้นำผงตะไบทองคำมามอบให้หลวงปู่โตเพื่อผสมลงไปในพระสมเด็จเพื่อความเป็นสิริมงคลยิ่งขึ้นและมีความหมายถึงโชคลาภเงินทองอีกด้วย นอกจากนี้ยังมี พระสมเด็จวัดระฆังพิมพ์หลังอักษรจีนมงคล อักษรจีนตระกูลแซ่ หลังลายเซ็นต์ ซึ่งพระสมเด็จวัดระฆังหลังลายเซ็นต์นั้นยังไม่รู้ว่าเป็นของข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ท่านใดหรือราชนิกุลท่านใด
http://ariyathum.blogspot.com/2019/10...
https://www.facebook.com/PhraSomdejWa...
วันศุกร์ที่ 3 ธันวาคม พ.ศ. 2564
พระสมเด็จวัดระฆังEP09พิมพ์หลังร่องสวนสีแดง
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)