# นางกวักคู่หลังครุฑ
นางกวักคู่นี้ท่านมาอยู่กับข้าพเจ้าเมื่อไม่นานมานี้ หลังจากได้ แม่นางกวักพิมพ์เล็บมือหรือพิมพ์แบบซุ้มกอ สิ่งศักดิ์สิทธิ์ประจำองค์แม่นางกวักเป็นเทพธิดา เทพธิดาจะมีบุญบารมีสูงกว่านางฟ้า โดยเทพธิดาจะมีวิมานของตัวเอง ส่วนนางฟ้าไม่มีวิมานของตัวเองต้องอาศัยรับใช้อยู่เป็นบริวารของเทพธิดา หรือเป็นสนมกำนัลในที่เป็นภรรยาน้อยของเทพบุตรเจ้าของวิมาน นางอัปสรเป็นนางฟ้าชั้นต่ำสุดคือเป็นนางฟ้าบริการ เทพบุตรองค์ไหนจะเรียกไปหลับนอนก็ได้แต่คงมีกฎของสวรรค์ในการเรียกไปหลับนอนได้คราวละเท่าไหร่ (ในอดีตชาติพระอานนท์ก็เคยเกิดเป็นนางฟ้าบริการหรือนางอัปสรมาแล้วเช่นกัน)
นางอัปสรมีบุญที่ได้เกิดเป็นนางฟ้าบริการ แต่ไม่มีวิมานของตัวเอง ไม่มีคู่เป็นตัวเป็นตน คล้ายเรื่องของปุโรหิตแห่งเมืองพาราณสีที่ไม่ชอบรักษาศีลมีแต่กินสินบนในการตัดสินคดีความอยู่เสมอ อยู่มาวันหนึ่งเป็นวันอุโบสถ พระเจ้าพาราณสีตรัสถามปุโรหิตว่า อาจารย์รับศีลอุโสถแล้วหรือยัง ท่านปุโรหิตก็ทูลตอบว่ารับแล้วพระเจ้าข้า เวลาออกจากที่เฝ้า มีอำมาตย์ผู้หนึ่งทักท้วงขึ้นว่าท่านยังไม่ได้รับอุโบสถมิใช่หรือ ปุโรหิตก็ตอบว่าใช่ แต่ว่าจะไปรับที่บ้านเย็นวันนี้เราจะไม่รับอาหาร พอถึงบ้านก็ตั้งใจถือศีลอุโบสถ วันนั้นมีผู้หญิงมีคดีคนหนึ่งรับศีลอุโบสถ และค้างอยู่ที่นั้น ปุโรหิตจึงได้คั้นน้ำมะม่วงให้เป็นน้ำอัฎฐบาลให้ทานแก่หญิงนั้น ต่อมาเมื่อปุโรหิตได้ตายลง ก็ไปเกิดในวิมานทองคำที่ป่าหิมพานต์มีสวนมะม่วงทิพย์กว้างใหญ่ถึง 3 โยชน์ มีนางฟ้าเป็นบริวารเสวยทิพย์สมบัติตลอดคืน พอเช้าขึ้นมาก็ไปสวนมะม่วง พอไปถึงก็กลายเป็นเปรตสูงเท่าลำตาล มีไฟลุกแดงทั้งตัว จิกข่วนเนื้อที่หลังของตัวเองมากินร้องไห้ทนทุกขเวทนาตลอดวัน พอค่ำลงก็เป็นเทวดาอยู่ที่วิมานของตน เป็นอย่างนี้เสมอมา
เรื่องบาปบุญที่ทำในเวลาไหนก็ให้ผลตรงกับเวลานั้น เว้นแต่บาปบุญโดยมากไม่ให้ผลพร้อมกัน ถ้าให้ผลพร้อมกันต้องให้เวลาต่างกันเหมือนเรื่องของปุโรหิตฯ
|